วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

สมาส

สมาส













คุณนามแท้
พหุ ชโน  พหุชโน
ชนมาก

เสตํ ฉตฺตํ  เสตฉตฺตํ
ร่มขาว, เศวตฉัตร
ปกติสังขยา
ตีณิ ปิฏกานิ  ติปิฏกํ
ปิฎก 3  (เป็น ทิคุสมาส)
ปูรณสังขยา
ทุติโย วาโร  ทุติยวาโร
วาระที่ 2
วิเสสนสัพพนาม
อญฺญตโร ปุริโส  อญฺญตรปุริโส
บุรุษคนใดคนหนึ่ง
อุปสัค
อธิกํ สีลํ อธิสีลํ
ศีลยิ่ง
นิบาต
สมฺมา ทิฏฐิ สมฺมาทิฏฐิ
ความเห็นชอบ
กิริยากิตก์
นิสินฺโน สามเณโร นิสินฺนสามเณโร
สามเณรผู้นั่งแล้ว

กตํ กมฺมํ กตกมฺมํ
กรรม อัน (อันบุคคล) ทำแล้ว
นามกิตก์
ทายโก ปุคฺคโล ทายกปุคฺคโล
บุคคลผู้ให้

กรโณ กาโล กรณกาโล
กาลเป็นที่ทำ
ตัทธิต
พลวา ปุริโส พลวปุริโส
บุรุษมีกำลัง
สมาส
สลฺลวิทฺโธ สตฺโต สลฺลวิทฺธสตฺโต
สัตว์อันลูกศรแทงแล้ว
อาคตสมโณ
อาคตสมโณ (อาราโม)
สมณะผู้มาแล้ว
อาราม มีสมณะมาแล้ว  
วิ. บุพ.
ทุ. พหุพ.
เตวิชฺชา
เตวิชฺชา (ภิกฺขุนี)
วิชชา 3 ท.
(ภิกษุณี) ผู้มีวิชชา 3  
อสมา. ทิคุ.
จตุ. พหุพ.
กลฺยาณธมฺโม
กลฺยาณธมฺโม (อุปาสโก)
ธรรมอันงาม
(อุบาสก) ผู้มีธรรมอันงาม  
วิ. บุพ.
จตุ. พหุพ.
ยุตฺต นิยุตฺต ประกอบแล้ว
อสฺเสน (นิยุตฺโต) รโถ  อสฺสรโถ   รถเทียมแล้วด้วยม้า

มคฺเคน (ยุตฺตํ)  จิตฺตํ  มคฺคจิตฺตํ  จิตอันประกอบแล้วด้วยมรรค
สงฺขต ปรุงแล้ว
มุทฺทิกาย (สงฺขตํ) ปานํ  มุทฺทิกปานํ น้ำเป็นเครื่องดื่มอันบุคคลปรุงแล้วด้วยผลจันทน์
มธุนา (สงฺขโต) ปายาโส  มธุปายาโส ข้าวปายาสอันบุคคลปรุงแล้วด้วยน้ำผึ้ง
สนฺนิสฺสิต อาศัยแล้ว
จกฺขุมฺหิ (นิสฺสิตํ) วิญฺญาณํ จกฺขุวิญฺญาณํ  วิญญาณอันอาศัยแล้วในจักษุ
มิสฺสก เจือ, ระคน, ผสม
มธุนา (มิสฺสโก) ปายาโส  มธุปายาโส  ข้าวปายาสอันเจือด้วยน้ำผึ้ง
สํสฏฺฐ ระคน
คุเฬน (สํสฏฺโฐ) โอทโน  คุโฬทโน  ข้าวสุกอันระคนแล้วด้วยน้ำอ้อย
ชาต เกิดแล้ว
ฌานสฺมา (ชาตํ) สุขํ  ฌานสุขํ สุขอันเกิดแล้วจากฌาน
กาเมหิ (ชาตํ) สุขํ  กามสุขํ สุขอันเกิดแล้วจากกาม
รชฺชสฺมา (ชาตํ) สุขํ  รชฺชสุขํ สุขอันเกิดแล้วจากความเป็นแห่งพระราชา
กต (อันบุคคล) ทำแล้ว
ปกต (อันบุคคล) ทำทั่วแล้ว
สุวณฺเณน (กตา) ปาติ  สุวณฺณปาติ  ถาดอันบุคคลทำแล้วด้วยทอง, ถาดทอง
กาเยน (กตํ) กมฺมํ กายกมฺมํ กรรมอันบุคคลทำแล้วทางกาย
วาจาย (กตํ) กมฺมํ วจีกมฺมํ กรรมอันบุคคลทำแล้วทางวาจา
มนสา (กตํ) กมฺมํ มโนกมฺมํ กรรมอันบุคคลทำแล้วทางใจ
วิการ เป็นวิการ
สุวณฺณสฺส (วิการา) ปาติ  สุวณฺณปาติ ถาดอันเป็นวิการแห่งทอง, ถาดทอง
กาตพฺพ (อันบุคคล) พึงทำ
อาจริยสฺส (กาตพฺพํ) วตฺตํ  อาจริยวตฺตํ  วัตรอันศิษย์พึงทำแก่อาจารย์
อุปชฺฌายวตฺตํ วัตรอันสัทธิวิหาริกพึงทำแก่อุปัชฌาย์
อาคนฺตุกวตฺตํ วัตรอันบุคคลพึงทำแก่ผู้(จร)มา
หตฺเถน (กาตพฺพํ) กมฺมํ  หตฺถกมฺมํ  กรรมอันบุคคลพึงทำด้วยมือ
ทาตพฺพ (อันบุคคล) พึงให้
สงฺฆสฺส (ทาตพฺพํ) ทานํ  สงฺฆทานํ  ทานอันบุคคลพึงถวายแก่สงฆ์
ทินฺน (อันบุคคล) ให้แล้ว

โธวน เป็นเครื่องชำระ
มุขสฺส (โธวนํ) อุทกํ  มุโขทกํ  น้ำเป็นเครื่องล้างซึ่งหน้า
ทนฺตกฏฺฐํ ไม้เป็นเครื่องชำระซึ่งฟัน
อาหรณ เป็นเครื่องนำมา
สุขสฺส (อาหรณา) กถา สุขกถา  ถ้อยคำอันเป็นเครื่องนำมาซึ่งความสุข
2. ศัพท์เกี่ยวกับเครื่องดนตรี
3. ศัพท์เกี่ยวกับเครื่องมือ
4. ศัพท์เกี่ยวกับกองทัพ
5. ศัพท์เกี่ยวกับสัตว์เล็กน้อย
6. ศัพท์เกี่ยวกับสัตว์ที่เป็นศัตรูกัน
7. ศัพท์เกี่ยวกับสิ่งที่แตกต่างกันโดยลักษณะอาการ แต่มีกิจหรือหน้าที่คล้ายกัน
8. ศัพท์เกี่ยวกับสิ่งที่มีลักษณะอย่างเดียวกัน  แต่มีลิงค์ต่างกัน
9. ศัพท์เกี่ยวกับสังขยาและศัพท์สำหรับกำหนดประมาณ
10. ศัพท์เกี่ยวกับอาชีพและคนจัณฑาล
11. ศัพท์เกี่ยวกับทิศ
1. เรียงบทที่เคารพมากกว่าไว้หน้า
2. เรียงบทที่มีสระน้อยกว่าไว้หน้า
3. เรียงบทที่เป็น อิวัณณะ (อิ อี การันต์) กว่าไว้หน้า
4. เรียงบทที่เป็น อิวัณณะ (อิ อี การันต์) กว่าไว้หน้า
5. เรียงบทที่เป็น อการันต์ ขึ้นต้นด้วยสระ ไว้หน้า
หตฺถา จ ปาทา จ  หตฺถปาทา มือและเท้า ท. (เป็นสมาหารเสมอ)
2. ศัพท์เกี่ยวกับหญ้า
3. ศัพท์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง 4 เท้า
4. ศัพท์เกี่ยวกับทรัพย์
5. ศัพท์เกี่ยวกับธัญญพืช
6. ศัพท์เกี่ยวกับแคว้นหรือเมืองหรือชนบท
7. ศัพท์เกี่ยวกับธรรมที่แตกต่างกันโดยลักษณะ
8. ศัพท์เกี่ยวกับสัตว์ประเภทนก
อนฺโตอวีจิมฺหิ นปุ.
อวีจิ
อิตถีลิงค์
ยถาสตฺติยา
สตฺติ
พหิสาณิยํ
สาณิ
อนฺตรวีถิยํ
วีถิ
อนฺโตนทิยํ
นที
อนฺโตนาวาย
นาวา
อนฺโตอาราโม
อาราม
ปุงลิงค์
อนฺโตอาวสโถ
อาวสถ
สมีปํ   อ.ที่ใกล้
แทน  อุป
อภาโว  อ.ความไม่มี
แทน  นิ
อนุวตฺตติ   ย่อมเป็นไปตาม
แทน  อนุ
อธิวตตฺติ  ย่อมเป็นไปทับ
แทน  อธิ
อติวตฺตติ  ย่อมเป็นไป
แทน  อติ
ปฏิวตฺตติ  ย่อมเป็นไปทวนตอบ
แทน  ปฏิ
อุป:
นครสฺส สมีปํ  อุปนครํ
ที่ใกล้ แห่งเมือง ชื่อว่า ใกล้เมือง

คงฺคาย สมีปํ อนุคงฺคํ
ที่ใกล้ แห่งแม่น้ำคงคา ชื่อว่า ใกล้แม่น้ำคงคา

กุมฺภสฺส สมีปํ อุปกุมฺภํ
ที่ใกล้ แห่งหม้อ ชื่อว่า ใกล้หม้อ

คงฺคาย สมีปํ อุปคงฺคํ
ที่ใกล้ แห่งแม่น้ำคงคา ชื่อว่า ใกล้แม่น้ำคงคา

คงฺคาย สมีเป วตฺตตีติ อุปคงฺคํ
วัตถุใด ย่อมเป็นไป ในที่ใกล้ แห่งแม่น้ำคงคา เหตุนั้น วัตถุนั้น ชื่อว่า ใกล้แม่น้ำคงคา
อนุ:
วนสฺส อนุ อนุวนํ
ที่ใกล้ แห่งป่า ชื่อว่า ใกล้ป่า   (อนุ=สมีป)

คงฺคํ อนุคตา อนุคงฺคํ
ไปตาม ซึ่งแม่น้ำคงคา ชื่อว่า ตามแม่น้ำคงคา 

ตีรํ อนุคตา อนุตีรํ
ไปตาม ซึ่งฝั่ง ชื่อว่า ตามฝั่ง

รูปสฺส โยคฺคํ อนุรูปํ
ความสมควร แก่รูป ชื่อว่า สมควรแก่รูป

รถสฺส อนุ อนุรถํ 
เบื้องหลัง แห่งรถ ชื่อว่า หลังรถ  (อนุ=ปจฺฉา)

วาตํ อนุวตฺตตีติ อนุวาตํ
วัตถุใด ย่อมเป็นไปตาม ซึ่งลม เหตุนั้น วัตถุนั้น ชื่อว่า ตามซึ่งลม, ตามลม

อฑฺฒมาสํ อนุวตฺตตีติ อนฺวฑฺฒมาสํ
วัตถุใด ย่อมเป็นไปตาม ซึ่งเดือนด้วยทั้งกึ่ง เหตุนั้น วัตถุนั้น ชื่อว่า ทุกกึ่งเดือน

อทฺธมาสํ อนุวตฺตตีติ อนฺวทฺธมาสํ
ทุกกึ่งเดือน

เชฏฺฐานํ อนุปุพฺโพ อนุเชฏฺฐํ
ลำดับ แห่งผู้เจริญ ท. ชื่อว่า ลำดับแห่งผู้เจริญ
นิ:
ทรถานํ อภาโว นิทฺทรถํ
ความไม่มี แห่งความกระวนกระวาย ท. ชื่อว่า ความไม่มีแห่งความกระวนกระวาย

มกฺขิกานํ อภาโว นิมฺมกฺขิกํ
ความไม่มี แห่งแมลงวัน ชื่อว่า ความไม่มีแห่งแมลงวัน

มกสานํ อภาโว นิมฺมกสํ
ความไม่มี แห่งยุง ชื่อว่า ความไม่มีแห่งยุง

ติณานํ อภาโว นิตฺติณํ
ความไม่มี แห่งหญ้า ชื่อว่า ความไม่มีแห่งหญ้า
อธิ:
อตฺตานํ อธิวตฺตตีติ อชฺฌตฺตํ
สิ่งใด ย่อมเป็นไปทับ ซึ่งตน เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อว่า เป็นไปทับซึ่งตน, เป็นไปในภายใน

อตฺตานํ อธิกิจฺจ ปวตฺตา อชฺฌตฺตํ
ธรรม ท. อันอาศัยแล้ว ซึ่งตน เป็นไป ชื่อว่า อาศัยตนเป็นไป, เป็นไปภายในตน
ปฏิ:
วาตสฺส ปฏิวตฺตตีติ ปฏิวาตํ
วัตถุใด ย่อมเป็นไปทวนตอบ แก่ลม เหตุนั้น วัตถุนั้น ชื่อว่า ทวนตอบแก่ลม

อตฺตานํ ปฏิวตฺตตีติ ปจฺจตฺตํ
สิ่งใด ย่อมเป็นไปเฉพาะ ซึ่งตน เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อว่า เป็นไปเฉพาะซึ่งตน, เฉพาะตน

อตฺตานมตฺตานํ ปติ ปจฺจตฺตํ
เฉพาะ ซึ่งตนๆ ชื่อว่า เฉพาะซึ่งตน, เฉพาะตน

วาตสฺส ปฏิโลมํ ปฏิวาตํ
ทวนลำดับ แห่งลม ชื่อว่า ทวนลำดับแห่งลม, ทวนลม

โสตสฺส ปฏิโลมํ ปฏิโสตํ
ทวนลำดับ แห่งกระแส ชื่อว่า ทวนลำดับแห่งกระแส, ทวนกระแส

ปถสฺส ปฏิโลมํ ปฏิปถํ
ทวนลำดับ แห่งทาง ชื่อว่า ทวนลำดับแห่งทาง, สวนทาง
ปริ:
ปพฺพตสฺส ปริ ปริปพฺพตํ
รอบ แห่งเขา ชื่อว่า รอบแห่งเขา, รอบเขา
ปรภาโค ส่วนอื่น
แทน  ติโร
ปฏิปาฏิ  ลำดับ
แทน  ยถา
เย เย  ใด ใด
แทน  ยถา
ยตฺตโก ปริจฺเฉโท กำหนดมีประมาณเท่าใด
แทน  ยาว
ติโร:
ปพฺพตสฺส ติโร ติโรปพฺพตํ
ภายนอก แห่งภูเขา ชื่อว่า ภายนอกแห่งภูเขา, นอกภูเขา

ปพฺพตสฺส ปรภาโค ติโรปพฺพตํ
ส่วนอื่น แห่งภูเขา ชื่อว่า ภายนอกแห่งภูเขา, นอกภูเขา

ปาการสฺส ติโร ติโรปาการํ
ภายนอก แห่งกำแพง ชื่อว่า ภายนอกแห่งกำแพง, นอกกำแพง

กุฑฺฑสฺส ติโร ติโรกุฑฺฑํ
ภายนอก แห่งฝา ชื่อว่า ภายนอกแห่งฝา, นอกฝา
พหิ:
นครสฺส พหิ พหินครํ
ภายนอก แห่งเมือง ชื่อว่า ภายนอกแห่งเมือง, นอกเมือง

คามสฺส พหิ พหิคามํ
ภายนอก แห่งหมู่บ้าน ชื่อว่า ภายนอกแห่งหมู่บ้าน, นอกหมู่บ้าน

สาณิยา พหิ พหิสาณิ
ภายนอก แห่งม่าน ชื่อว่า ภายนอกแห่งม่าน, นอกม่าน
อนฺโต:
นครสฺส อนฺโต อนฺโตนครํ
ภายใน แห่งเมือง ชื่อว่า ภายในแห่งเมือง, ในเมือง

วสฺสสฺส อนฺโต อนฺโตวสฺสํ
ภายใน แห่งกาลฝน ชื่อว่า ภายในแห่งกาลฝน, ภายในพรรษา

ปาสาทสฺส อนฺโต อนฺโตปาสาทํ
ภายใน แห่งปราสาท ชื่อว่า ภายในแห่งปราสาท, ในปราสาท

วสฺสสฺส อนฺโต อนฺโตวสฺสํ
ภายใน แห่งฤดูฝน ชื่อว่า ภายในแห่งฤดูฝน, ในฤดูฝน

อวีจิโน อนฺโต อนฺโตอวีจิ
ภายใน แห่งอเวจี ชื่อว่า ภายในแห่งอเวจี, ในอเวจี
ยถา:
สตฺติยา ปฏิปาฏิ ยถาสตฺติ
ลำดับแห่งความสามารถ ชื่อว่า ตามความสามารถ (ปฏิปาฏิ อิต. ลำดับ)

พลสฺส ปฏิปาฏิ ยถาพลํ
ลำดับแห่งกำลัง ชื่อว่า ตามกำลัง (ไตร. ใช้คู่กันเสมอ เช่น ยถาสตฺติ ยถาพลํ)

กมสฺส ปฏิปาฏิ ยถากฺกมํ
ลำดับแห่งการดำเนินไป ชื่อว่า ตามลำดับ

วุฑฺฒานํ ปฏิปาฏิ ยถาวุฑฺฒํ
ลำดับแห่งผู้เจริญ ท. ชื่อว่า ลำดับแห่งผู้เจริญ

เย เย วุฑฺฒา ยถาวุฑฺฒํ
ผู้เจริญ ท. ใด ใด ชื่อว่า ลำดับแห่งผู้เจริญ

สตฺตึ อนติกฺกมิตฺวา ยถาสตฺติ
ไม่เกินแล้ว ซึ่งความสามารถ ชื่อว่า ตามความสามารถ

พลํ อนติกฺกมิตฺวา ยถาพลํ
ไม่เกินแล้ว ซึ่งกำลัง ชื่อว่า ตามกำลัง

กมํ อนติกฺกมิตฺวา ยถากฺกมํ
ไม่ข้ามแล้ว ซึ่งลำดับ ชื่อว่า ตามลำดับ
ยาว:
ชีวสฺส ยตฺตโก ปริจฺเฉโท ยาวชีวํ
การกำหนด มีประมาณเพียงไร แห่งชีวิต ชื่อว่า กำหนดเพียงไรแห่งชีวิต, ตลอดชีวิต

ยตฺตเกน อตฺโถ ยาวทตฺถํ
ความต้องการ (ด้วยวัตถุ) มีประมาณเพียงไร ชื่อว่า ตามความต้องการ
ยาวตา:
อายุสฺส ยตฺตโก ปริจฺเฉโท ยาวตายุกํ
การกำหนด มีประมาณเพียงไร แห่งอายุ ชื่อว่า กำหนดเพียงไรแห่งอายุ, ตลอดอายุ
อุปริ:
ปาสาทสฺส อุปริ อุปริปาสาทํ
เบื้องบน แห่งปราสาท ชื่อว่า เบื้องบนแห่งปราสาท

มญฺจสฺส อุปริ อุปริมญฺจํ
เบื้องบน แห่งเตียง ชื่อว่า เบื้องบนแห่งเตียง
เหฏฺฐา:
มญฺจสฺส เหฏฺฐา เหฏฺฐามญฺจํ
ภายใต้ แห่งเตียง ชื่อว่า ภายใต้แห่งเตียง, เบื้องล่างแห่งเตียง

ปาสาทสฺส เหฏฺฐา เหฏฺฐาปาสาทํ
ภายใต้ แห่งปราสาท ชื่อว่า ภายใต้แห่งปราสาท, เบื้องล่างแห่งปราสาท
ปจฺฉา:
ภตฺตสฺส ปจฺฉา ปจฺฉาภตฺตํ
ภายหลัง แห่งภัตร ชื่อว่า ภายหลังแห่งภัตร (เวลาหลังภัตร, หลังอาหาร)
ปุเร:
ภตฺตสฺส ปุเร ปุเรภตฺตํ
ก่อน แห่งภัตร ชื่อว่า ก่อนแห่งภัตร (ก่อนภัตร, เวลาก่อนภัตร, ก่อนอาหาร)

ภตฺตา ปุเร ปุเรภตฺตํ
ก่อน แต่ภัตร ชื่อว่า ก่อนแต่ภัตร (ก่อนภัตร, เวลาก่อนภัตร, ก่อนอาหาร)

อรุณา ปุเร ปุรารุณํ
ก่อน แต่อรุณ ชื่อว่า ก่อนแต่อรุณ (ก่อนอรุณ, เวลาก่อนอรุณ)
อนฺตรา:
มคฺคสฺส อนฺตรา อนฺตรามคฺคํ
ระหว่าง แห่งหนทาง ชื่อว่า ระหว่างแห่งหนทาง, ระหว่างทาง

วีถิยา อนฺตรา อนฺตรวีถิ
ระหว่าง แห่งวิถี ชื่อว่า ระหว่างแห่งวิถี, ระหว่างถนน



(เทียบกับภาษาไทย เช่น อย่าทำซึ่งบาป ย่อเป็น อย่าทำบาปสัตว์เกิดในน้ำ ย่อเป็น สัตว์น้ำ)
นิบาตบางตัวที่มีรูปเหมือนกิริยาอาขยาต (แต่ไม่จัดเป็นกิริยาอาขยาต) ก็เข้าสมาสได้ อุ. อตฺถิภาโว-นตฺถิภาโว, อโหสิกมฺมํ.]
กฐินสฺส  ทุสฺสํ  กฐินทุสฺสํ    ผ้าเพื่อกฐิน
รญฺโญ  ธนํ  ราชธนํ          ทรัพย์ของพระราชา
ทูเร นิทานํ ยสฺส, ตํ ทูเรนิทานํ (วตฺถุ)              (เรื่อง) มีนิทานในที่ไกล
อุรสิ  โลโม ยสฺส, โส อุรสิโลโม (พฺราหฺมโณ)    (พราหมณ์) มีขนที่อก
กาเมสุ  มิจฺฉาจาโร  กาเมสุมิจฺฉาจาโร            การประพฤติผิดในกาม
เทวานํ อินฺโท  เทวานมินฺโท                        จอมแห่งเทพ
                     อานนฺทตฺเถโร    ซ้อน ตฺ (อาคมพยัญชนสนธิ)
                          พุทฺธาทิจฺโจ      ลบสระหน้า คือ อ ที่ ธฺ  (โลปสรสนธิ)
1. กัมมธารยสมาส
บทหนึ่งเป็นประธาน คือเป็นนามนาม   บทหนึ่งเป็นวิเสสนะ คือเป็นคุณนาม  
หรือเป็นวิเสสนะทั้ง 2 บท  มีบทอื่นเป็นประธาน   ย่อเข้าเป็นบทเดียวกัน   ชื่อว่า กัมมธารยสมาส    มี 6 คือ
ขตฺติยา  กญฺญา  ขตฺติยกญฺญา    นางผู้กษัตริย์
นีลํ  อุปฺปลํ  นีลุปฺปลํ    ดอกอุบลเขียว
นหานํ ติตฺถํ  นหานติตฺถํ    ท่าเป็นที่อาบ
อุปฏฺฐานา สาลา อุปฏฺฐานสาลา    ศาลาเป็นที่บำรุง
พลวา โกโธ  พลวโกโธ    ความโกรธมีกำลัง
มหตี  ธานี  มหาธานี    เมืองใหญ่
มหนฺตํ  นครํ  มหานครํ    นครใหญ่
มหนฺตํ ภยํ  มหพฺภยํ    ภัยใหญ่  (รัสสะ เป็น มห, ซ้อน พฺ)
สปฺปุริสสฺส ธมฺโม  สทฺธมฺโม    ธรรมของสัตบุรุษ, สัทธรรม (เป็น ฉ. ตัป.)
ปธานํ  วจนํ  ปาวจนํ    คำอันเป็นประธาน, ปาพจน์
กุจฺฉิตา  ทิฏฺฐิ  กุทิฏฺฐิ   ทิฏฐิอันบัณฑิตเกลียดแล้ว, ทิฏฐิชั่ว
กุจฺฉิโต ปุริโส  กาปุริโส    บุรุษอันบัณฑิตเกลียดแล้ว, บุรุษชั่ว
วิสิฏฺโฐ กปฺโป วิกปฺโป    กัปวิเศษ
วิวิธา มติ วิมติ    ความคิดอย่างต่างๆ, ความสงสัย
กุปุตฺโต, กุทาโส, กุพฺราหฺมโณ, กุนฺนที, กาปุปฺผํ, กาลวณํ, กทนฺนํ, กทสนํ, กทริโย
นโร วโร  นรวโร    นระประเสริฐ
มนุสฺโส ทลิทฺโท มนุสฺสทลิทฺโท    มนุษย์ผู้ขัดสน
สารีปุตฺโต เถโร สารีปุตฺตตฺเถโร    พระสารีบุตร ผู้(เป็น)เถระ  (ซ้อน ตฺ)
เทโว ราชา  เทวราชา    เทพผู้พระราชา
นรเสฏฺโฐ, ปุริสุตฺตโม, พุทฺธโฆสาจริโย
อนฺโธ จ  วธิโร จ  อนฺธวธิโร (ปุริโส)    (บุรุษ) ทั้งบอดทั้งหนวก
ขญฺโช จ  ขุชฺโช จ  ขญฺชขุชฺโช (ปุริโส)    (บุรุษ) ทั้งกระจอกทั้งค่อม
สีตญฺจ  อุณฺหญฺจ  สีตุณฺหํ (ฐานํ)    (ที่) ทั้งเย็นทั้งร้อน
อุจฺจญฺจ อวจญฺจ  อุจฺจาวจํ (กมฺมํ)    (กรรม) ทั้งสูงทั้งต่ำ
คิลาโน จ วุฏฺฐิโต จ  คิลานวุฏฺฐิโต (ปุริโส)    (บุรุษ) ทั้งเป็นไข้ทั้งหายแล้ว
กตญฺจ  อกตญฺจ  กตากตํ (กิจฺจํ)    (กิจ) อัน (อันตน) ทำแล้วด้วย ไม่ทำแล้วด้วย  ชื่อว่า  อัน (อันตน) ทั้งทำแล้วทั้งไม่ทำแล้ว
คตญฺจ  ปจฺจาคตญฺจ  คตปจฺจาคตํ (ยานํ/วาหนํ)    (ยาน/พาหนะ) ไปแล้วด้วย กลับมาแล้วด้วย  ชื่อว่า ทั้งไปแล้ว ทั้งกลับมาแล้ว
กาโก อิว  สูโร  กากสูโร (นโร)    (คน) กล้าเพียงดังกา
ทิพฺพํ อิว  จกฺขุ  ทิพฺพจกฺขุ    จักษุเพียงดังทิพย์
ญาณํ  จกฺขุ อิว  ญาณจกฺขุ    ญาณเพียงดังจักษุ
ปญฺญา ปาสาโท อิว ปญฺญาปาสาโท    ปัญญาเพียงดังปราสาท
พุทฺโธ อาทิจฺโจ อิว  พุทฺธาทิจฺโจ    พระพุทธเจ้าเพียงดังพระอาทิตย์
มุขํ จนฺโท อิว  มุขจนฺโท    หน้าเพียงดังพระจันทร์
มุนิวสโภ, มุนิปุงฺคโว, มุนิสีโห, มุนิกุญฺชโร, พุทฺธนาโค, สทฺธมฺมรํสิ
สตฺโต อิติ สญฺญา  สตฺตสญฺญา    ความสำคัญว่าเป็นสัตว์
สมโณ (อหํ) อิติ  ปฏิญฺญา  สมณปฏิญฺญา    ปฏิญญาว่า (เรา) เป็นสมณะ
สมโณ (อหํ) อิติ สญฺญา  สมณสญฺญา    ความสำคัญว่า (เรา) เป็นสมณะ
อตฺตา อิติ ทิฏฺฐิ  อตฺตทิฏฺฐิ    ความเห็นว่าเป็นตัวตน
สตฺโต อิติ สงฺขาโต  สตฺตสงฺขาโต    อันบัณฑิตนับพร้อมแล้วว่าสัตว์
พุทฺโธ เอว รตนํ  พุทฺธรตนํ    รัตนะคือพระพุทธเจ้า
สทฺธา เอว ธนํ  สทฺธาธนํ    ทรัพย์คือศรัทธา
จกฺขุ เอว อินฺทฺริยํ  จกฺขุนฺทฺริยํ    อินทรีย์คือจักษุ
รูปํ เอว อารมฺมณํ  รูปารมฺมณํ    อารมณ์คือรูป
วสนํ เอว ภาโว  วสนภาโว    ความเป็นคืออันอยู่
อิทฺธิ เอว ปาฏิหาริยํ  อิทฺธิปาฏิหาริยํ    ปาฏิหาริย์คือฤทธิ์
เมื่อ น อยู่หน้า  พยัญชนะอยู่หลัง  ให้แปลง น เป็น    เช่น
น วสโล อวสโล (อยํ ชโน)    (ชนนี้) มิใช่คนถ่อย
น กุสลํ  อกุสลํ (อิทํ กมฺมํ)    (กรรมนี้) มิใช่กุศล
น มนุสฺโส  อมนุสฺโส (อยํ สตฺโต)    (สัตว์นี้) มิใช่มนุษย์
น สมโณ  อสฺสมโณ (อยํ ชโน)    (ชนนี้) มิใช่สมณะ
น การณํ อการณํ (อิทํ ธมฺมชาตํ)    (ธรรมชาตนี้) มิใช่เหตุ
น อริโย  อนริโย (อยํ ชโน)    (ชนนี้) มิใช่พระอริยะ
น กโรนฺโต  อกโรนฺโต (อยํ ชโน)    (ชนนี้) ไม่ทำอยู่
น กตฺวา  อกตฺวา    ไม่ทำแล้ว
น อาทาย  อนาทาย     ไม่ถือเอาแล้ว
น โอโลเกตฺวา อโนโลเกตฺวา    ไม่แลดูแล้ว
    เฉพาะ วิเสสนบุพบท วิเสสนุตตรบท วิเสสโนภยบท  ต้องให้มีลิงค์ตรงกันด้วย
2) การแปลวิเคราะห์  ให้แปลบทนามนามก่อน  แล้วจึงแปลบทวิเสสนะ  
    แต่ถ้าวิเคราะห์เป็นคุณนามทั้งสองบท  ให้แปลอัญญบทเป็นตัวประธาน
ข.    วิเสสโนภยบท มีคำแปลว่า “ทั้ง...ทั้ง...”   มาจากสำเนียงแปลของ จ ศัพท์ ในวิเคราะห์
ค.    วิเสสโนปมบท มีคำแปลว่า “...เพียงดัง...”   มาจากสำเนียงแปลของ อิว ศัพท์ ในรูปวิเคราะห์
ง.    สัมภาวนบุพบท มีคำแปลว่า “ว่า...”   มาจากสำเนียงแปลของ อิติ ศัพท์ ในวิเคราะห์
จ.    อวธารณบุพบท มีคำแปลว่า “คือ...”    มาจากสำเนียงแปลของ เอว ศัพท์ ในวิเคราะห์
ส่วนในคัมภีร์ศัพทศาสตร์ทั้งหลาย ท่านตั้งวิเคราะห์ ดังนี้
มหนฺโต จ  โส ปุริโส จาติ  มหาปุริโส  บุรุษนั้นด้วย ใหญ่ด้วย  เหตุนั้น ชื่อว่า บุรุษใหญ่
สตฺโต จ โส  วิเสโส จาติ  สตฺตวิเสโส  สัตว์นั้นด้วย วิเศษด้วย  เหตุนั้น ชื่อว่า สัตว์วิเศษ
สีตญฺจ  ตํ  สมฏฺฐญฺจาติ  สีตสมฏฺฐํ (ฐานํ)  ที่นั้น เย็นด้วย เกลี้ยงด้วย  เหตุนั้น ชื่อว่า ทั้งเย็นทั้งเกลี้ยง
จตสฺโส ทิสา  จตุทฺทิสํ  ทิศ 4
ปญฺจ อินฺทฺริยานิ  ปญฺจินฺทฺริยํ  อินทรีย์ 5
ฉ อายตนานิ  สฬายตนํ    อายตนะ 6 (แปลง ฉฺ เป็น สฺ, ลง รฺ อาคม, ใช้ ฬฺ แทน รฺ)
เทฺว องฺคุลิโย  ทฺวงฺคุลํ  นิ้ว 2 (แปลง อิ ที่ ลฺ เป็น อ)
ตีณิ ปิฏกานิ ติปิฏกํ  ปิฎก 3
จตสฺโส ทิสา  จตุทฺทิสา    ทิศ 4 ท.
ปญฺจ พลานิ  ปญฺจพลานิ    กำลัง 5 ท.
ข. ปกติสังขยานามนาม (99 ขึ้นไป) นำหน้านามนาม ไม่เป็นทิคุสมาส แต่เป็น วิเสสนบุพบท กัมมธารยสมาส (ที่มีฉัฏฐีพหุพพิหิสมาสเป็นท้อง) เช่น
สหสฺสปุริสา (= สหสฺสปมาณปุริสา)    บุรุษ มีพันเป็นประมาณ ท.
ปุริสานํ สหสฺสานิ ปุริสสหสฺสานิ    พันแห่งบุรุษ ท.
3. ตัปปุริสสมาส
(ศัพท์นามนามที่ประกอบด้วยทุติยาวิภัตติ ถึงสัตตมีวิภัตติ  สมาสเข้ากับบทหลัง  ชื่อว่า ตัปปุริสสมาส)
ตัปปุริสสมาส  บทหน้าที่เป็นนามนาม แปลออกสำเนียงอายตนิบาตแห่งวิภัตติใด ให้แยกออกมาประกอบวิภัตตินั้น 
คามํ คโต  คามคโต (ปุริโส)    (บุรุษ) ไปแล้วสู่บ้าน
สพฺพรตฺตึ โสภโณ สพฺพรตฺติโสภโณ (จนฺโท)    (พระจันทร์) งามตลอดราตรีทั้งปวง
โสตํ อาปนฺโน โสตาปนฺโน (ชโน)    (ชน) ผู้ถึงทั่วแล้วซึ่งกระแส (แห่งพระนิพพาน)
ธมฺมํ นิสฺสิโต ธมฺมนิสฺสิโต (ชโน)    (ชน) อันอาศัยแล้วซึ่งธรรม
อตฺถํ นิสฺสิโต อตฺถนิสฺสิโต (ธมฺโม)    (ธรรม) อันอาศัยแล้วซึ่งอรรถ
นิโรธํ สมาปนฺโน นิโรธสมาปนฺโน (ชโน)    (ชน) ผู้เข้าถึงแล้วซึ่งนิโรธ
มิคํ มารณํ มิคมารณํ  การยังเนื้อให้ตาย
สลฺเลน วิทฺโธ  สลฺลวิทฺโธ (ชนฺตุ)  (สัตว์) อันลูกศรแทงแล้ว
อสินา กลโห  อสิกลโห    ความทะเลาะเพราะดาบ
สีเลน สมฺปนโน  สีลสมฺปนฺโน (ภิกฺขุ)  ผู้ถึงพร้อมแล้วด้วยศีล
ปุญฺเญน อตฺถิโก ปุญฺญตฺถิโก (ชโน) ผู้มีความต้องการด้วยบุญ
โรเคน ปีฬิโต โรคปีฬิโต (ชโน)  อันโรคเบียดเบียนแล้ว
อิจฺฉาย อปกโต อิจฺฉาปกโต (ชโน)  อันความอยากครอบงำแล้ว
ญาเณน สมฺปยุตฺตํ  ญาณสมฺปยุตฺตํ (จิตฺตํ)  อันสัมปยุตแล้วด้วยญาณ
อคฺคินา ทฑฺโฒ  อคฺคิทฑฺโฒ (ชโน) อันไฟไหม้แล้ว
วิญฺญูหิ ครหิโต  วิญฺญุครหิโต (ธมฺโม)   (ธรรม) อันวิญญูชนติเตียนตรัสแล้ว  (รัสสะ อู เป็น อุ)
พุทฺเธน ภาสิโต  พุทฺธภาสิโต (ธมฺโม)    (ธรรม) อันพระพุทธเจ้าตรัสแล้ว
พุทฺเธน ทินฺโน  พุทฺธทตฺโต (ภิกฺขุ)    (ภิกษุ) อันพระพุทธเจ้าให้แล้ว  (แปลง ทินฺน เป็น ทตฺต)
เทเวน ทินฺโน  เทวทตฺโต (ปุตฺโต)    (บุตร) อันเทวดาให้แล้ว  (แปลง ทินฺน เป็น ทตฺต)
ปเรหิ ทินฺนํ  ปรทตฺตํ (ทานํ)    (ทาน) อันบุคคลอื่นให้แล้ว  (แปลง ทินฺน เป็น ทตฺต  เช่น ปรทตฺตูปชีวี เปรตผู้อาศัยทานอันบุคคลอื่นให้แล้วเป็นอยู่)
เอเกน (อุตฺตรํ) สตํ  เอกสตํ    ร้อยเกินด้วยหนึ่ง, 101 (ถ้า 100 เขียนว่า สตํ ไม่มี เอก ข้างหน้า)
อาคนฺตุกสฺส ภตฺตํ  อาคนฺตุกภตฺตํ    ภัตรเพื่อผู้(จร)มา
คมิกสฺส ภตฺตํ  คมิกภตฺตํ    ภัตรเพื่อผู้(จะเดินทาง)ไป
ยาคุยา ตณฺฑุลา  ยาคุตณฺฑุลา  ข้าวสารเพื่อข้าวต้ม
คิลานสฺส เภสชฺชํ  คิลานเภสชฺชํ    ยาเพื่อคนไข้
โลกสฺส หิโต  โลกหิโต (อตฺโถ) ประโยชน์เกื้อกูลแก่โลก
พุทฺธสฺส เทยฺยํ  พุทฺธเทยฺยํ (วตฺถุ)  อันบุคคลพึงถวายแด่พระพุทธเจ้า
ทาตุํ กาโม  ทาตุกาโม (ชโน)    (ชน) ผู้ใคร่เพื่ออันให้  (ลบนิคคหิต)
ราชโต ภยํ  ราชภยํ    ภัยแต่พระราชา
มรณสฺมา ภยํ  มรณภยํ    ความกลัวแต่ความตาย
ปาปโต ภีรุโก  ปาปภีรุโก (ชโน)  ผู้กลัวแต่บาป
สาสนา จุโต  สาสนจุโต (ภิกฺขุ)  ผู้เคลื่อนแล้วจากศาสนา
เมถุนสฺมา อเปโต  เมถุนาเปโต (ภิกฺขุ)  ผู้ไปปราศแล้วจากเมถุนธรรม
พนฺธนา มุตฺโต  พนฺธนมุตฺโต (สตฺโต)    (สัตว์) พ้นแล้วจากเครื่องผูก
รญฺโญ ปุริโส  ราชปุริโส    บุรุษแห่งพระราชา
ธญฺญานํ ราสิ  ธญฺญราสิ    กองแห่งข้าวเปลือก
รุกฺขสฺส สาขา  รุกฺขสาขา    กิ่งแห่งต้นไม้
เทวานํ ราชา  เทวราชา ราชาแห่งเทพ
ชินสฺส วจนํ  ชินวจนํ  พระดำรัสแห่งพระชินเจ้า
พุทธสฺส รูปํ  พุทธรูปํ  พระรูปแห่งพระพุทธเจ้า
กายสฺส ลหุตา  กายลหุตา  ความเบาแห่งกาย
ภิกฺขูนํ สตํ  ภิกฺขุสตํ    ร้อยแห่งภิกษุ
ปุริสานํ สหสฺสานิ  ปุริสสหสฺสานิ    พันแห่งบุรุษ ท.
ปรสฺส ทาโร  ปรทาโร    เมียของบุคคลอื่น
วนสฺส ปติ  วนปฺปติ (รุกฺโข)    (ต้นไม้) อันเป็นเจ้าแห่งป่า (ซ้อน ปฺ)
กหาปณานํ คพฺโภ  กหาปณคพฺโภ    ห้องแห่งกหาปณะ
รตนานํ ตยํ รตนตฺตยํ หมวดสามแห่งรตนะ, รัตนตรัย (ซ้อน ตฺ)
ธมฺมสฺส สวนํ  ธมฺมสฺสวนํ    การฟังซึ่งธรรม
อาจริยสฺส ปูชโก  อาจริยปูชโก (ชโน)    (ชน) ผู้บูชาซึ่งอาจารย์
มรณสฺส สติ  มรณสฺสติ    การระลึกถึงซึ่งความตาย  (ซ้อน สฺ)
กหาปณานํ (อุคฺคหโณ) คพฺโภ กหาปณคพฺโภ    ห้องเป็นที่เก็บซึ่งกหาปนะ
สํสาเร ทุกฺขํ  สํสารทุกฺขํ  ทุกข์ในสงสาร
วเน จรตีติ วนจโร (ชโน) ผู้เที่ยวไปในป่า
วเน ปุปฺผํ  วนปุปฺผํ  ดอกไม้ในป่า
อรญฺเญ วาโส  อรญฺญวาโส  การอยู่ในป่า
ธมฺเมสุ  คารโว  ธมฺมคารโว  ความเคารพในธรรม
ธมฺเม  รโต  ธมฺมรโต (ภิกฺขุ) ผู้ยินดีแล้วในธรรม
ธมฺเม รุจิ  ธมฺมรุจิ  ความยินดีในธรรม
ถเล ติฏฺฐตีติ  ถลฏฺโฐ  ผู้ยืนบนบก
อิตฺถีสุ  ธุตฺโต  อิตฺถีธุตฺโต  นักเลงในหญิง
วิกาเล โภชนํ  วิกาลโภชนํ  การบริโภคในสมัยมีกาลไปปราศ
ปุพฺเพ (กาเล) กมฺมํ ปุพฺพกมฺมํ  กรรมในกาลก่อน
กาเมสุ อวจรํ กามาวจรํ (จิตฺตํ)    (จิต) อันเที่ยวลงในกาม
อุภยตัปปุริสสมาส ก็คือ น บุพบท กัมมธารยสมาส ที่ได้อธิบายมาแล้วนั้น
ตัปปุริสสมาสบางสมาส ในรูปวิเคราะห์ มี 3 ศัพท์  แต่เมื่อเข้าสมาสแล้ว ลบศัพท์ที่อยู่ตรงกลางศัพท์หนึ่งออก (จึงเรียกว่า “มัชเฌโลปะ”)  
ดังนั้นเมื่อจะแปลบทสมาสประเภทนี้ ก็ให้เพิ่มศัพท์ที่ลบไปนั้นเข้ามาแปล เพื่อให้ได้ใจความ
อรูปสฺส ภโว  อรูปํ อรูปภพ
    ตัปปุริสะ  ในรูปวิเคราะห์  บทหน้าลงวิภัตติตั้งแต่ ทุติยา ถึง สัตตมี   ส่วนบทหลังนิยมลงปฐมาวิภัตติ
2. ตัปปุริสะ แปลบทหลังก่อนจึงแปลบทหน้า   ส่วน กัมมธารยะ แปลบทหลังก่อนก็มี  แปลบทหน้าก่อนก็มี
4. ทวันทวสมาส
สมาหารทวันทวสมาสนี้ ศัพท์ในรูปวิเคราะห์ เป็นเอกวจนะบ้าง พหุวจนะบ้าง  แต่บทสมาสต้องเป็นเอกวจนะ นปุงสกลิงค์เสมอ 
จกฺขุ จ โสตญฺจ  จกฺขุโสตํ  ตาด้วย หูด้วย ชื่อ ตาและหู
ปาณิ จ ปาทา จ  ปาณิปาทํ  ฝ่ามือและเท้า
มุขญฺจ นาสิกา จ  มุขนาสิกํ  ปากและจมูก
หนุ จ คีวา จ  หนุคีวํ  คางและคอ
กณฺณา จ นาโส จ  กณฺณนาสํ หูและจมูก
ฉวิ จ มํสญฺจ โลหิตญฺจ  ฉวิมํสโลหิตํ ผิวและเนื้อและเลือด

คีตญฺจ วาทิตญฺจ  คีตวาทิตํ  เพลงขับและเพลงประโคม
สมฺมญฺจ ตาฬญฺจ  สมฺมตาฬํ กังสดาลและเสียงปรบมือ
สงฺโข จ ปณโว จ  สงฺขปณวํ  สังข์และบัณเฑาะว์

ผาโล จ  ปาจนญฺจ  ผาลปาจนํ  ผาลและปฏัก
ยุคญฺจ  นงฺคลญฺจ  ยุคนงฺคลํ  แอกและไถ

หตฺถิโน จ อสฺสา จ  หตฺถิสฺสํ  ช้างและม้า, พลช้างและพลม้า
รถา จ  ปตฺติกา จ  รถปตฺติกํ  พลรถและพลเท้า
หตฺถี จ อสฺโส จ รโถ จ ปตฺติโก จ  หตฺถีอสฺสรถปตฺติกํ  ช้างและม้าและรถและคนเดิน
อสิ จ  จมฺมํ จ  อสิจมฺมํ  ดาบและหนัง
ธนุ จ  กลาโป จ  ธนุกลาปํ  ธนูและแล่งธนู

ฑํสา จ  มกสา จ  ฑํสมกสํ  เหลือบและยุง
กุนฺถา จ  กิปิลฺลิกา จ  กุนฺถกิปิลฺลิกํ มดดำและมดแดง
กีฏา จ  ปฏงฺคา จ  กีฏปฏงฺคํ แมลงและตั๊กแตน
กีฏา จ  สรีสปา จ  กีฏสิรึสปํ หนอนและริ้น (สิริสโป สิรึสโป สัตว์เลื้อยคลาน, สรีสโป แมงป่อง)

อหิ จ  นกุโล จ  อหินกุลํ  งูและพังพอน
พิฬารา จ  มูสิกา จ  พิฬารมูสิกํ  แมวและหนู
กาโก จ  อุลูโก จ  กาโกลูกํ  กาและนกเค้า
สปฺโป จ  มณฺฑูโก จ  สปฺปมณฺฑูกํ  งูและกบ
ครุโฬ จ  สปฺโป จ  ครุฬสปฺปํ  ครุฑและนาค

สีลญฺจ  ปญฺญาณญฺจ  สีลปญฺญาณํ  สีลและปัญญา
สมโถ จ วิปสฺสนา จ  สมถวิปสฺสนํ  สมถะและวิปัสสนา
นามญฺจ  รูปญฺจ  นามรูปํ  นามและรูป
หิริ จ  โอตฺตปฺปญฺจ  หิโรตฺตปฺปํ  หิริและโอตตัปปะ
สติ จ  สมฺปชญฺญญฺจ  สติสมฺปชญฺญํ  สติและสัมปชัญญะ
โลโภ จ  โมโห จ  โลภโมหํ  โลภะและโมหะ
ถีนญฺจ  มิทฺธญฺจ  ถีนมิทฺธํ  ถีนะและมิทธะ
อุทฺธจฺจญฺจ  กุกฺกุจฺจญฺจ  อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ  อุทธัจจะและกุกกุจจะ
-อหิริก อโนตฺตปฺปํ  อหิริกาโนตฺตปฺปํ 

ทาสี จ  ทาโส จ  ทาสีทาสํ  ทาสีและทาส
ปตฺโต จ จีวรญฺจ  ปตฺตจีวรํ  บาตรด้วย จีวรด้วย ชื่อ บาตรและจีวร
สาขา จ  ปลาโส  สาขาปลาส  กิ่งและค่าคบ

เอกกญฺจ  ทุกญฺจ  เอกกทุกํ  หมวดหนึ่งและหมวดสอง
ทุกญฺจ  ติกญฺจ  ทุกติกํ  หมวดสองและหมวดสาม
ติกญฺจ  จตุกฺกญฺจ  ติกจตุกฺกํ  หมวดสามและหมวดสี่
จตุกฺกญฺจ  ปญฺจกญฺจ  จตุกฺกปญฺจกํ  หมวดสี่และหมวดห้า
ทีโฆ จ  มชฺฌิโม จ  ทีฆมชฺฌิมํ  ขนาดยาวและขนาดปานกลาง

โอรพฺภิกา จ  สูกริกา จ  โอรพฺภิกสูกริกํ  คนฆ่าแกะและคนฆ่าหมู
สากุณิกา จ  มาควิกา จ  สากุณิกมาควิกํ  นายพรานนกและนายพรานเนื้อ
สปาโก จ  จณฺฑาโล จ  สปากจณฺฑาลํ  คนกินเนื้อสุนัขและคนจัณฑาล
เวโน จ  รถกาโร จ  เวนรถการํ  ช่างถากและช่างรถ

ปุพฺพา จ  อปรา จ  ปุพฺพาปรํ  ทิศเบื้องหน้าและทิศเบื้องหลัง
ปุรตฺถิโม จ  ปจฺฉิโม จ  ปุรตฺถิมปจฺฉิมํ  ทิศอันมีในเบื้องหน้าและทิศอันมีในเบื้องหลัง
ทกฺขิโณ จ  อุตฺตโร จ  ทกฺขิณุตฺตรํ  ทิศเบื้องขวาและทิศเบื้องซ้าย
อสมาหารทวันทวสมาสนี้ ศัพท์ในรูปวิเคราะห์ เป็นเอกวจนะบ้าง พหุวจนะบ้าง  แต่บทสมาสต้องเป็นพหุวจนะเสมอ
ส่วนลิงค์ของสมาสถือตามศัพท์สุดท้าย
เทวา จ มนุสฺสา จ  เทวมนุสฺสา เทพและมนุษย์ ท.
ชายา จ ปติ จ ชายาปติ ชยมฺปติ ชมฺปติ  เมียและผัว (อสมาหาร ?)
  ศัพท์กลาง รัสสะ อา เป็น อ  ซ้อน มฺ, ศัพท์หลัง ลบ ยา  รัสสะ อา เป็น อ  ซ้อน มฺ

สารีปุตฺโต จ  โมคฺคลฺลาโน จ  สารีปุตฺตโมคฺคลฺลานา  พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ท.
สมโณ จ  พฺราหฺมโณ จ  สมณพฺราหฺมณา  สมณะด้วย พราหมณ์ด้วย ชื่อ สมณะและพราหมณ์ ท.
พฺราหฺมณา จ คหปติกา จ พฺราหฺมณคหปติกา  พราหมณ์ ท. ด้วย  คหบดี ท. ด้วย ชื่อ  พราหมณ์และคหบดี ท.
ขตฺติยา จ พฺราหฺมณา ขตฺติยพฺราหฺมณา  กษัตริย์และพราหมณ์ ท.
มาตา จ ปิตา จ  มาตาปิตโร  มารดาและบิดา ท.  (อลุตตสมาส)
ปิตา จ  ปุตฺตา จ  ปิตาปุตฺตา  บิดาและบุตร ท.  (อลุตตสมาส)

จนฺโท จ  สุริโย จ  จนฺทสุริยา  พระจันทร์ด้วย พระอาทิตย์ด้วย ชื่อ พระจันทร์และพระอาทิตย์ ท.
-จนฺทิมา จ  สุริโย จ  จนฺทิมสุริยา  พระจันทร์ด้วย พระอาทิตย์ด้วย ชื่อ พระจันทร์และพระอาทิตย์ ท.
นิคมา จ ชนปทา จ  นิคมชนปทา นิคมและชนบท ท.
สุรา จ  อสุรา จ  ครุฬา จ  มนุชา จ  ภุชคา จ  คนฺธพฺพา จ  สุราสุรครุฬมนุชภุชคคนฺธพฺพา เทพและอสูรและครุฑและมนุษย์และนาคและคนธรรพ์ ท.

อคฺคิ จ ธูโม จ  อคฺคิธูมา  ไฟและควัน ท.
คติ จ  พุทฺธิ จ ภุชปฐหรกรสยา จ  คติพุทฺธิภุชปฐหรกรสยา  คติและพุทธิและธาตุคือ ภุช ปฐ หร กร สี ธาตุ ท.

ธาตโว จ  ลิงฺคานิ จ  ธาตุลิงฺคานิ   ธาตุและลิงค์ ท.

อตฺโถ จ  ธมฺโม จ  อตฺถธมฺมา  อรรถและธรรม ท.
อตฺโถ จ  สทฺโท จ  อตฺถสทฺทา  อรรถและศัพท์ ท.

มํสญฺจ โลหิตญฺจ  มํสโลหิตานิ  เนื้อและเลือด ท. (เป็นสมาหารเสมอ)
อสฺสตฺถา จ  กปิตฺถา จ  อสฺสตฺถกปิตฺถํ  ต้นโพธิ์และต้นมะขวิด
อสฺสตฺถา จ  กปิตฺถา จ  อสฺสตฺถกปิตฺถา  ต้นโพธิ์และต้นมะขวิด ท.
อมฺพา จ  ปนสา จ  อมฺพปนสํ  ต้นมะม่วงและต้นขนุน
อมฺพา จ  ปนสา จ  อมฺพปนสา  ต้นมะม่วงและต้นขนุน ท.
ขทิรา จ  ปลาสา จ  ขทิรปลาสํ  ต้นตะเคียนและต้นทองกวาว
ขทิรา จ  ปลาสา จ  ขทิรปลาสา  ต้นตะเคียนและต้นทองกวาว ท.

อุสีรานิ จ  พีรณานิ จ  อุสีรพีรณํ  หญ้าแฝกและหญ้าคมบาง
อุสีรานิ จ  พีรณานิ จ  อุสีรพีรณา  หญ้าแฝกและหญ้าคมบาง ท.
มุญฺชา จ  ปพฺพชา จ  มุญฺชปพฺพชํ  หญ้ามุงกระต่ายและหญ้าปล้อง
มุญฺชา จ  ปพฺพชา จ  มุญฺชปพฺพชา  หญ้ามุงกระต่ายและหญ้าปล้อง ท.
กาสา จ  กุสา จ  กาสกุสํ  หญ้าเลาและหญ้าคา
กาสา จ  กุสา จ  กาสกุสา  หญ้าเลาและหญ้าคา ท.

อชา จ  เอฬกา จ  อเชฬกํ  แพะและแกะ
อชา จ  เอฬกา จ  อเชฬกา  แพะและแกะ ท.
คาโว จ  มหิสา จ  โคมหิสํ  วัวและควาย
คาโว จ  มหิสา จ  โคมหิสา  วัวและควาย ท.
เอเณยฺยา จ  วราหา จ  เอเณยฺยวราหํ  เนื้อทรายและหมูป่า
เอเณยฺยา จ  วราหา จ  เอเณยฺยวราหา  เนื้อทรายและหมูป่า
สีหา จ  พฺยคฺฆา จ  ตรจฺฉา จ  สีหพฺยคฺฆตรจฺฉํ ราชสีห์และเสือโคร่งและหมี
สีหา จ  พฺยคฺฆา จ  ตรจฺฉา จ  สีหพฺยคฺฆตรจฺฉา ราชสีห์และเสือโคร่งและหมี ท.

หิรญฺญญฺจ  สุวณฺณญฺจ  หิรญฺญสุวณฺณํ  เงินและทอง
หิรญฺญญฺจ  สุวณฺณญฺจ  หิรญฺญสุวณฺณานิ  เงินและทอง ท.
ชาตรูปญฺจ  รชตญฺจ  ชาตรูปรชตํ  เงินและทอง
ชาตรูปญฺจ  รชตญฺจ  ชาตรูปรชตานิ  เงินและทอง ท.
มณิ จ  มุตฺตา จ  สงฺโข จ  เวฬุริยญฺจ  มณิมุตฺตาสงฺขเวฬุริยํ  แก้วมณีและแก้วมุกดาและสังข์และแก้วไพฑูรย์
มณิ จ  มุตฺตา จ  สงฺโข จ  เวฬุริยญฺจ  มณิมุตฺตาสงฺขเวฬุริยานิ  แก้วมณีและแก้วมุกดาและสังข์และแก้วไพฑูรย์ ท.

สาลี จ  ยวา จ  สาลียวํ  ข้าวสาลีและข้าวเหนียว
สาลี จ  ยวา จ  สาลียวา  ข้าวสาลีและข้าวเหนียว ท.
ติลญฺจ  มุคฺโค จ  มาโส จ  ติลมุคฺคมาสํ  งาและถั่วเขียวและถั่วราชมาส
ติลญฺจ  มุคฺโค จ  มาโส จ  ติลมุคฺคมาสา  งาและถั่วเขียวและถั่วราชมาส ท.

กาสี จ  โกสลา จ  กาสีโกสลํ  แคว้นกาสีและแคว้นโกศล
กาสี จ  โกสลา จ  กาสีโกสลา  แคว้นกาสีและแคว้นโกศล ท.
วชฺชี จ  มลฺลา จ  วชฺชีมลฺลํ  แคว้นวัชชีและแคว้นมัลละ
วชฺชี จ  มลฺลา จ  วชฺชีมลฺลา  แคว้นวัชชีและแคว้นมัลละ ท.
องฺคา จ  มคธา จ  องฺคมคธํ  แคว้นอังคะและแคว้นมคธ
องฺคา จ  มคธา จ  องฺคมคธา  แคว้นอังคะและแคว้นมคธ ท.

กุสลญฺจ  อกุสลญฺจ  กุสลากุสลํ  ธรรมอันเป็นกุศลและธรรมอันไม่ใช่กุศล
กุสลญฺจ  อกุสลญฺจ  กุสลากุสลา  ธรรมอันเป็นกุศลและธรรมอันไม่ใช่กุศล ท.
สาวชฺชญฺจ  อนวชฺชญฺจ  สาวชฺชานวชฺชํ  ธรรมอันเป็นไปกับด้วยโทษและธรรมอันหาโทษมิได้
สาวชฺชญฺจ  อนวชฺชญฺจ  สาวชฺชานวชฺชา  ธรรมอันเป็นไปกับด้วยโทษและธรรมอันหาโทษมิได้ ท.
หีนา จ  ปณีตา จ  หีนปณีตํ  ธรรมอันเลวและธรรมอันประณีต
หีนา จ  ปณีตา จ  หีนปณีตา  ธรรมอันเลวและธรรมอันประณีต ท.
กณฺหา จ  สุกฺกา จ  กณฺหสุกฺกํ  ธรรมอันดำและธรรมอันขาว
กณฺหา จ  สุกฺกา จ  กณฺหสุกฺกา  ธรรมอันดำและธรรมอันขาว ท.
สุขญฺจ  ทุกฺขญฺจ  สุขทุกฺขํ  สุขและทุกข์
สุขญฺจ  ทุกฺขญฺจ  สุขทุกฺขานิ  สุขและทุกข์ ท.
รตฺติ จ  ทิวา จ  รตฺตินฺทิวํ  กลางคืนและกลางวัน  (แปลง อา เป็น อ)
รตฺติ จ  ทิวา จ  รตฺตินฺทิวา  กลางคืนและกลางวัน ท.
อหญฺจ  รตฺติ จ  อโหรตฺตํ  กลางวันและกลางคืน (แปลง อิ เป็น อ, เอา อ ที่ ห เป็น โอ)
อหญฺจ  รตฺติ จ  อโหรตฺตา  กลางวันและกลางคืน ท.  (เอา อ ที่ ห เป็น โอ)

หํสา จ  พกา จ  หํสพกํ  หงส์และนกกระยาง
หํสา จ  พกา จ  หํสพกา  หงส์และนกกระยาง ท.
การณฺฑวา จ  จกฺกวากา จ  การณฺฑวจกฺกวากํ  นกเป็ดน้ำและนกจากพราก
การณฺฑวา จ  จกฺกวากา จ  การณฺฑวจกฺกวากา  นกเป็ดน้ำและนกจากพราก ท.
มยูโร จ  โกญฺจ จ  มยูรโกญฺจํ  นกยูงและนกกระเรียน
มยูโร จ  โกญฺจ จ  มยูรโกญฺจา  นกยูงและนกกระเรียน ท.
สุโก จ  สาลิกา จ  สุกสาลิกํ  นกแขกเต้าและนกสาลิกา
สุโก จ  สาลิกา จ  สุกสาลิกา  นกแขกเต้าและนกสาลิกา ท.
วิเสสโนภยบท เป็นบทวิเสสนะทั้งสองบท    ส่วน ทวันทวสมาส เป็นบทประธานทั้งสิ้น
ทวันทวสมาส ที่ลบบางศัพท์ทิ้ง  เหลือแต่ศัพท์หน้าหรือศัพท์หลัง เพียงศัพท์เดียว  มี คือ
อุปาสโก จ  อุปาสิกา จ  อุปาสกา  อุบาสกด้วย อุบาสิกาด้วย ชื่อว่า อุบาสกและอุบาสิกา ท.
วาเสฏฺโฐ จ ภารทฺวาโช จ วาเสฏฺฐา  วาเสฏฐะด้วย ภารัทวาชะด้วย ชื่อว่า วาเสฏฐะและภารัทวาชะ ท.
5. อัพยยีภาวสมาส
อัพยยีภาวสมาสนี้ มีนิบาตหรืออุปสัคเป็นบทหน้า และเป็นประธาน (แปลก่อน) เพราะมุ่งแสดงเนื้อความของอัพยยศัพท์  
มีนามนามเป็นบทหลัง  เป็น นปุงสกลิงค์ เอกวจนะ  (แต่ก็มีปรากฏใช้ในลิงค์อื่นด้วย ทั้งในอรรถกถา และพระไตรปิฎก) 
ป. อนฺโตนครํ
ทุ. อนฺโตนครํ
ต. อนฺโตนครํ, อนฺโตนคเรน
จ. อนฺโตนครํ
ป. อนฺโตนครา
ฉ. อนฺโตนครํ, อนฺโตนครสฺส
ส. อนฺโตนครํ, อนฺโตนครสฺมึ, อนฺโตนคเร
แล้วลงวิภัตติตามคำแปล  ส่วนอุปสัค มักใช้ศัพท์อื่นแทน  โดยให้มีคำแปล เหมือนหรือใกล้เคียงกับอุปสัคนั้น    เช่น

6. พหุพพิหิสมาส
(สมาสอื่นๆ เมื่อแยกย่อยแล้ว  เป็นสมาสนามอย่างเดียวบ้าง เป็นได้ทั้งสมาสนามและสมาสคุณบ้าง  แต่พหุพพิหินี้เป็นสมาสคุณอย่างเดียวเท่านั้น)
เพราะบททั้ง 2 นี้มีลิงค์ วิภัตติ วจนะ เสมอกัน (ตุลฺย) จึงเรียกว่า “ตุลยาธิกรณ”
เมื่อสำเร็จเป็นบทสมาสแล้วเป็นสมาสคุณนามอย่างเดียว  โดยมีนามนามอื่น (อัญญบท) มาเป็นประธานของสมาส   มี 6 ชนิด (ตามวิภัตติที่เชื่อมกับอัญญบท) คือ
สมณา อาคตา ยํโส สมณอาคโต (อาราโม)
สมณะ ท. มาแล้วสู่อารามใด  อารามนั้น ชื่อว่า มีสมณะมาแล้ว
  ตัวอย่างลิงค์อื่นๆ  เช่น อาคตสมณา (สาวตฺถี), อาคตสมณํ (เชตวนํ)
สมฺปตฺตา ภิกฺขู ยํโส สมฺปตฺตภิกฺขุ (อาวาโส)  ภิกษุ ท. ถึงพร้อมแล้ว ซึ่งอาวาสใด  อาวาสนั้น ชื่อว่า มีภิกษุถึงพร้อมแล้ว
ปฏิปนฺนา อทฺธิกา ยํโส ปฏิปนฺนทฺธิโก (ปโถ)  คนเดินทางไกล ท. ดำเนินแล้ว สู่ทางใด  ทางนั้น ชื่อว่า มีคนเดินทางไกลดำเนินแล้ว
อภิรุฬฺหา วาณิชา ยํสา อภิรุฬฺหวาณิชา (นาวา)  พ่อค้า ท. ขึ้นแล้ว สู่เรือใด  เรือนั้น ชื่อว่า มีพ่อค้าขึ้นแล้ว
กตํ ปุญฺญํ เยนโส กตปุญฺโญ (ปุริโส)  บุญ อันบุรุษใด ทำแล้ว  บุรุษนั้น ชื่อว่า มีบุญอันทำแล้ว
อาหิโต อคฺคิ เยนโส อาหิตคฺคิ (พฺราหฺมโณ)  
อคฺคิ อาหิโต เยนโส อคฺยาหิโต (พฺราหฺมโณ) (เอา อิ เป็น ยฺพยัญชนะซ้อนกัน 3 ตัว  ลบพยัญชนะที่มีรูปเหมือนกันได้ 1 ตัว)
  ไฟ อันพราหมณ์ใด บูชาแล้ว  พราหมณ์นั้น ชื่อว่า มีไฟอันบูชาแล้ว
วิสํ ปีตํ เยนโส วิสปีโต (สโร)  ยาพิษ อันลูกศรใด ดื่มแล้ว  ลูกศรนั้น ชื่อว่า มียาพิษอันดื่มแล้ว
วิชิตา มารา เยนโส วิชิตมาโร (ภควา)  มาร ท. อันพระผู้มีพระภาคใด ชนะแล้ว  พระผู้มีพระภาคนั้น ชื่อว่า มีมารอันชนะแล้ว
ทิฏฺโฐ ธมฺโม เยนโส ทิฏฺฐธมฺโม (ภิกฺขุ)  ธรรม อันภิกษุใด เห็นแล้ว  ภิกษุนั้น ชื่อว่า มีธรรมอันเห็นแล้ว
กตํ กิจฺจํ เยนโส กตกิจฺโจ (ปุริโส)  กิจ อันบุรุษใด ทำแล้ว  บุรุษนั้น ชื่อว่า มีกิจอันทำแล้ว
ปฏิวิทฺโธ ธมฺโม เยนโส ปฏิวิทฺธธมฺโม (สมโณ)   ธรรม อันสมณะใด แทงตลอดแล้ว  สมณะนั้น ชื่อว่า มีธรรมอันแทงตลอดแล้ว
กตํ ทณฺฑกมฺมํ ยสฺสโส กตทณฺฑกมฺโม (สิสฺโส) ทัณฑกรรม (อันอาจารย์) ทำแล้ว แก่ศิษย์ใด  ศิษย์นั้น ชื่อว่า มีทัณฑกรรมอันอาจารย์ทำแล้ว
สญฺชาโต สํเวโค ยสฺสโส  สญฺชาตสํเวโค (ชโน) ความสังเวชเกิดพร้อมแล้ว แก่ชนใด  ชนนั้น ชื่อว่า มีความสังเวชเกิดพร้อมแล้ว
อุปนีตํ โภชนํ ยสฺสโส  อุปนีตโภชโน (สมโณ)  โภชนะ อันบุคคลน้อมเข้าใกล้แล้ว แก่สมณะใด  สมณะนั้น ชื่อว่า มีโภชนะอันบุคคลน้อมเข้าใกล้แล้ว
อุปหโฏ พลิ ยสฺสโส  อุปหฏพลิ (ยกฺโข)  พลี อันบุคคลนำเข้าใกล้แล้ว แก่ยักษ์ใด  ยักษ์นั้น ชื่อว่า มีพลีอันบุคคลนำเข้าใกล้แล้ว
ฉนฺโท ชาโต ยสฺสโส  ฉนฺทชาโต (ภิกฺขุ)
ชาโต ฉนฺโท ยสฺสโส  ชาตจฺฉนฺโท (ภิกฺขุ)  ฉันทะ เกิดแล้ว แก่ภิกษุใด  ภิกษุนั้น ชื่อว่า มีฉันทะเกิดแล้ว
ปติตานิ ผลานิ ยสฺมาโส ปติตผโล (รุกฺโข)  ผล ท. หล่นแล้ว จากต้นไม้ใด  ต้นไม้นั้น ชื่อว่า มีผลหล่นแล้ว
วีโต ราโค ยสฺมาโส วีตราโค (ภิกฺขุ)  ราคะ ไปปราศแล้ว จากภิกษุใด  ภิกษุนั้น ชื่อว่า มีราคะไปปราศแล้ว
วิคตํ สมํ ยสฺมาตํ วิสมํ (ฐานํ)   ความเสมอ ไปปราศแล้ว จากที่ใด  ที่นั้น ชื่อว่า มีความเสมอไปปราศแล้ว
อเปตํ วิญฺญาณํ ยสฺมาโส อเปตวิญฺญาโณ (มตกาโย)  วิญญาณ ไปปราศแล้ว จากกายอันตายแล้วใด  กายอันตายแล้วนั้น ชื่อว่า มีวิญญาณไปปราศแล้ว
อปคตํ ภยเภรวํ ยสฺมาโส อปคตภยเภรโว (อรหา) 
  ความสะดุ้งเพราะความกลัว ไปปราศแล้ว จากพระอรหันต์ใด  พระอรหันต์นั้น ชื่อว่า  มีความสะดุ้งเพราะความกลัวไปปราศแล้ว
นิคฺคโต อโย ยสฺมาโส นิรโย (โลโก)  ความเจริญ ออกไปแล้ว จากโลกใด   โลกนั้น ชื่อว่า มีความเจริญออกไปแล้ว
นิคฺคโต อโย อสฺมาติ  นิรโย (โลโก)  ความเจริญ ออกไปแล้ว จากโลกนั้น เหตุนั้น โลกนั้น ชื่อว่า มีความเจริญออกไปแล้ว
นิคฺคตา กิเลสา ยสฺมาโส นิกฺกิเลโส (ภิกฺขุ)  กิเลส ท. ออกไปแล้ว จากภิกษุใด  ภิกษุนั้น ชื่อว่า มีกิเลสออกไปแล้ว
นิคฺคโต กิเลโส เอตสฺมาติ  นิกฺกิเลโส (ภิกฺขุ)  กิเลส ออกไปแล้ว จากภิกฺขุนั้น เหตุนั้น ภิกฺขุนั้น ชื่อว่า มีกิเลสออกไปแล้ว
สนฺตํ จิตฺตํ ยสฺสโส สนฺตจิตฺโต (ภิกฺขุ)   จิต ของภิกษุใด ระงับแล้ว  ภิกษุนั้น ชื่อว่า มีจิตระงับแล้ว
ฉินฺนา หตฺถา ยสฺสโส ฉินฺนหตฺโถ (ปุริโส)  
หตฺถา ฉินฺนา ยสฺสโส หตฺถจฺฉินฺโน (ปุริโส)   มือ ท. ของบุรุษใด ขาดแล้ว  บุรุษนั้น ชื่อว่า มีมือขาดแล้ว
ปริปุณฺโณ สงฺกปฺโป ยสฺสโส ปริปุณฺณสงฺกปฺโป (ปุริโส)   ความดำริ ของบุรุษใด เต็มรอบแล้ว  บุรุษนั้น ชื่อว่า มีความดำริเต็มรอบแล้ว
วีโต ราโค ยสฺสโส วีตราโค (ภิกฺขุ)   ราคะ ของภิกษุใด ไปปราศแล้ว  ภิกษุนั้น ชื่อว่า มีราคะไปปราศแล้ว
จตฺตาริ ปทานิ ยสฺสโส จตุปฺปโท (สตฺโต)  เท้า ท. 4 ของสัตว์ใด (มีอยู่) สัตว์นั้น ชื่อว่า มีเท้า 4
เทฺว ปทา ยสฺสโส ทฺวิปโท (สตฺโต)  เท้า ท. 2 ของสัตว์ใด (มีอยู่) สัตว์นั้น ชื่อว่า มีเท้า 2
ติสฺโส วิชฺชา ยสฺสโส เตวิชฺโช (ภิกฺขุ)  วิชชา ท. 3 ของภิกษุใด (มีอยู่)  ภิกษุนั้น ชื่อว่า มีวิชชา 3
นว องฺคานิ ยสฺสตํ นวงฺคํ (สตฺถุสาสนํ)  องค์ ท. 9 ของสัตถุศาสน์ใด (มีอยู่)  สัตถุศาสน์นั้น ชื่อว่า มีองค์ 9
วิคตํ มลํ ยสฺสโส วิมโล (กาโย)  มลทิน ของกายใด ไปปราศแล้ว  กายนั้น ชื่อว่า มีมลทินไปปราศแล้ว
ทุฏฺโฐ มโน ยสฺสโส ทุมฺมโน (ชโน)  ใจ ของชนใด อันโทษประทุษร้ายแล้ว  ชนนั้น ชื่อว่า มีใจอันโทษประทุษร้ายแล้ว
ทุฏฺฐํ สีลํ ยสฺสโส ทุสฺสีโล (ชโน)   ศีล ของชนใด อันโทษประทุษร้ายแล้ว  ชนนั้น ชื่อว่า มีศีลอันโทษประทุษร้ายแล้ว
มหตี ปญฺญา ยสฺสโส มหาปญฺโญ (ปุริโส)   ปัญญา ของบุรุษใด มาก  บุรุษนั้น ชื่อว่า มีปัญญามาก
ทีฆา ชงฺฆา ยสฺสโส ทีฆชงฺโฆ (ปุริโส)    แข้ง ท. ของบุรุษใด ยาว  บุรุษนั้น ชื่อว่า มีแข้งยาว
ตโจ ปญฺจโก ยสฺสตํ ตจปญฺจกํ (กมฺมฏฺฐานํ)   หนัง เป็นที่ 5 ของกัมมัฏฐานใด  กัมมัฏฐานนั้น ชื่อว่า มีหนังเป็นที่ 5
ฉนฺโท ชาโต ยสฺสโส  ฉนฺทชาโต (ภิกฺขุ)
ชาโต ฉนฺโท ยสฺสโส  ชาตจฺฉนฺโท (ภิกฺขุ)  ฉันทะ ของภิกษุใด เกิดแล้ว   ภิกษุนั้น ชื่อว่า มีฉันทะเกิดแล้ว
ร้อย 5 ท. เป็นประมาณ ของภิกษุ ท. เหล่าใด  ภิกษุ ท. เหล่านั้น ชื่อว่า มีร้อย 5 เป็นประมาณ
สหสฺสํ ปมาณํ เยสํ,   เต สหสฺสา (ภิกฺขู)   (=สหสฺสปฺปมาณา)  
พัน เป็นประมาณ ของภิกษุ ท. เหล่าใด  ภิกษุ ท. เหล่านั้น ชื่อว่า มีพันเป็นประมาณ
สหสฺสํ มตฺตํ ยสฺสตํ สหสฺสํ (ธนํ)   (=สหสฺสมตฺตํ)  
พัน เป็นประมาณ แห่งทรัพย์ ใด  ทรัพย์นั้น ชื่อว่า มีพันเป็นประมาณ
ปมาณ มตฺต มักลบทิ้ง
ขนฺธาทิ เภโท ยสฺสโส ขนฺธาทิเภโท (ธมฺโม)   ธรรมมีขันธ์เป็นต้น เป็นประเภท แห่งธรรม ใด  ธรรมนั้น ชื่อว่า มีธรรมมีขันธ์เป็นต้นเป็นประเภท
ภิกฺขู ปริวารา ยสฺสโส  ภิกฺขุปริวาโร (ภควา)   ภิกษุ ท. เป็นบริวาร แห่งพระผู้มีพระภาค ใด  พระผู้มีพระภาคนั้น ชื่อว่า มีภิกษุเป็นบริวาร
สหสฺสํ ปมาณํ เยสํ,   เต  สหสฺสปฺปมาณา (ภิกฺขู)  พัน เป็นประมาณ ของภิกษุ ท. เหล่าใด  ภิกษุ ท. เหล่านั้น ชื่อว่า มีพันเป็นประมาณ
พุทฺโธ ปมุโข ยสฺสโส  พุทฺธปฺปมุโข (สงฺโฆ)  พระพุทธเจ้า เป็นประมุข แห่งสงฆ์ ใด  สงฆ์นั้น ชื่อว่า มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข
สหสฺสํ มตฺตํ ยสฺสตํ  สหสฺสมตฺตํ (ธนํ)  พัน เป็นประมาณ แห่งทรัพย์ ใด  ทรัพย์นั้น ชื่อว่า มีพันเป็นประมาณ
ยาปนํ อิติ มตฺตํ ยาปนมตฺตํ (วตฺถุ)  (วัตถุ) สักว่าเครื่องยังอัตตภาพให้เป็นไป
สีลาทิคุเณน เภโท  สีลาทิคุณเภโท (ธมฺโม)   (ธรรม) อันต่างด้วยคุณมีศีลเป็นต้น
พหู นทิโย ยสฺมึโส พหุนทิโก (ชนปโท)   แม่น้ำ ท. ในชนบทใด มาก  ชนบทนั้น ชื่อว่า มีแม่น้ำมาก
ฐิตา สิริ ยสฺมึโส ฐิตสิริ (ชโน)   ศรี ตั้งอยู่แล้ว ในชนใด  ชนนั้น ชื่อว่า มีศรีตั้งอยู่แล้ว
สุลโภ ปิณฺโฑ ยสฺมึโส สุลภปิณฺโฑ (ปเทโส) ก้อนข้าว อันบุคคลหาได้โดยง่าย ในประเทศใด  ประเทศนั้น ชื่อว่า มีก้อนข้าวหาได้โดยง่าย
อากิณฺณา มนุสฺสา ยสฺสํสา อากิณฺณมนุสฺสา (ราชธานี)  มนุษย์ ท. เกลื่อนกล่นแล้ว ในราชธานีใด  ราชธานีนั้น ชื่อว่า มีมนุษย์เกลื่อนกล่นแล้ว
พหโว ตาปสา ยสฺมึโส พหุตาปโส (อสฺสโม)   ดาบส ท. มากในอาศรมใด  อาศรมนั้น ชื่อว่า มีดาบสมาก
อุปจิตํ มํสโลหิตํ ยสฺมึตํ อุปจิตมํสโลหิตํ (สรีรํ)  เนื้อและเลือด สะสมแล้ว ในสรีระใด  สรีระนั้น ชื่อว่า มีเนื้อและเลือดสะสมแล้ว
มีประเภทเดียว คือ ฉัฏฐีภินนาธิกรณ  เช่น
อุรสิ  โลมานิ  ยสฺสโส อุรสิโลโม  (พฺราหฺมโณ)  ขน ท. ที่อก ของพราหมณ์ใด (มีอยู่)   พราหมณ์นั้น ชื่อว่า มีขนที่อก
วชิรํ  ปาณิมฺหิ  ยสฺสโส  วชิรปาณิ  (อินฺโท)  วชิระ ในมือ ของพระอินทร์ใด (มีอยู่)  พระอินทร์นั้น ชื่อว่า มีวชิระในมือ
มณิ  กณฺเฐ ยสฺสโส มณิกณฺโฐ (นาคราชา)  แก้ว ที่คอ ของนาคราชใด (มีอยู่)  นาคราชนั้น ชื่อว่า มีแก้วที่คอ
ทณฺโฑ หตฺเถ ยสฺสโส ทณฺฑหตฺโถ (ราชา)  อาชญา ในพระหัตถ์ ของพระราชาใด (มีอยู่)  พระราชานั้น ชื่อว่า มีอาชญาในพระหัตถ์
สทฺธมฺเม คารโว ยสฺสโส สทฺธมฺมคารโว (ภิกฺขุ)  ความเคารพ ในพระสัทธรรม ของภิกษุใด (มีอยู่)  ภิกษุนั้น ชื่อว่า มีความเคารพในพระสัทธรรม
สมาเนน ชเนน สทฺธึ วาโส ยสฺสโส สมานวาโส (ปุริโส)  การอยู่ กับ ด้วย ชนผู้เสมอกัน ของบุรุษใด (มีอยู่)  บุรุษนั้น ชื่อว่า มีการอยู่กับด้วยชนผู้เสมอกัน
อสิ  หตฺเถ  ยสฺสโส  อสิหตฺโถ  (โยโธ)   ดาบ ในมือ ของทหารใด (มีอยู่)  ทหารนั้น ชื่อว่า มีดาบในมือ
ฉตฺตํ  ปาณิมฺหิ  ยสฺสโส  ฉตฺตปาณิ (ปุริโส)  ร่ม ในมือ ของบุรุษใด (มีอยู่)  บุรุษนั้น ชื่อว่า มีร่มในมือ
ทาเน อชฺฌาสโย ยสฺสโส ทานชฺฌาสโย (ชโน)  อัธยาศัย ในทาน ของชนใด (มีอยู่)  ชนนั้น ชื่อว่า มีอัธยาศัยในทาน
อุภโต (ปกฺขโต) พฺยญฺชนํ ยสฺสโส อุภโตพยญฺชนโก (ปุคฺคโล)  (ก สกตฺถ)
  เพศ (แต่ข้าง) ทั้งสอง ของบุคคลใด (มีอยู่)  บุคคลนั้น ชื่อว่า มีเพศ(แต่ข้าง)ทั้งสอง
อุภโต (ปกฺขโต) ปวตฺตํ พฺยญฺชนํ ยสฺส อตฺถีติ อุภโตพยญฺชนโก (ปุคฺคโล)
  เพศ เป็นไปแล้ว แต่ข้างทั้งสอง ของบุคคลใด (มีอยู่)  บุคคลนั้น ชื่อว่า มีเพศ(เป็นไปแล้วแต่ข้าง)ทั้งสอง
อาวุธา  หตฺเถสุ  เยสํเต  อาวุธหตฺถา (โยธา)  อาวุธ ท. ย่อมมี ในมือ ท. ของทหาร ท. เหล่าใด   ทหาร ท. เหล่านั้น  ชื่อว่า มีอาวุธในมือ
 วรรณะ ของพระผู้มีพระภาคเจ้าใด เพียงดัง วรรณะ แห่งทอง   พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ชื่อว่า มีวรรณะเพียงดังวรรณะแห่งทอง
พฺรหฺมุโน สโร อิว สโร ยสฺสโส พฺรหฺมสฺสโร (ภควา)
  เสียง ของพระผู้มีพระภาคเจ้าใด เพียงดัง เสียง แห่งพรหม    พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ชื่อว่า มีเสียงเพียงดังเสียงแห่งพรหม
สีหสฺส คติ อิว คติ ยสฺสโส สีหคติ (ภควา)
  การไป ของพระผู้มีพระภาคเจ้าใด เพียงดัง การไป แห่งสีหะ   พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ชื่อว่า มีการไปเพียงดังการไปแห่งสีหะ
สีหสฺส หนุ อิว หนุ ยสฺสโส สีหหนุ (ภิกฺขุ)   คาง ของภิกษุใด เพียงดัง คาง แห่งสีหะ  ภิกษุนั้น ชื่อว่า มีคางเพียงดังคางแห่งสีหะ
สีหสฺส วิย อสฺส หนูติ สีหหนุ (ภิกฺขุ)  คาง ของภิกษุนั้น ดุจ คางแห่งสีหะ เหตุนั้น ภิกษุนั้น ชื่อว่า มีคางเพียงดังคางแห่งสีหะ
สีหสฺส วิกฺกโม อิว วิกฺกโม ยสฺสโส สีหวิกฺกโม (ภิกฺขุ)    
  ความแกล้วกล้า ของภิกษุใด เพียงดัง ความแกล้วกล้า แห่งสีหะ   ภิกษุนั้น ชื่อว่า มีความแกล้วกล้าเพียงดังความแกล้วกล้าแห่งสีหะ
นิโคฺรธสฺส ปริมณฺฑโล อิว ปริมณฺฑโล ยสฺสโส นิโคฺรธปริมณฺฑโล (ภควา)
  ปริมณฑล ของพระผู้มีพระภาคใด เพียงดัง ปริมณฑล ของต้นนิโครธ   พระผู้มีพระภาคนั้น ชื่อว่า มีปริมณฑลเพียงดังปริมณฑลของต้นนิโครธ
หตฺถิโน ลิงฺคํ อิว ลิงฺคํ ยสฺสโส หตฺถิลิงฺโค (สกุโณ)   เพศ แห่งนกใด เพียงดัง เพศ แห่งช้าง  นกนั้น ชื่อว่า มีเพศเพียงดังเพศแห่งช้าง
(นบุพบทพหุพพิหิ ปฏิเสธว่า ไม่มีสิ่งนั้น  นบุพบทกัมมธารยะปฏิเสธว่า ไม่ใช่สิ่งนั้น หรือ ไม่ได้เป็นสิ่งนั้น)  เช่น
นตฺถิ  ตสฺส  สโมติ  อสโม (ภควา)   (พระผู้มีพระภาค) มีผู้เสมอหามิได้, ไม่มีผู้เสมอ
นตฺถิ  ตสฺส  อุตฺตโรติ อนุตฺตโร (ภควา)  (พระผู้มีพระภาค) มีผู้ยิ่งกว่าหามิได้, ไม่มีผู้ยิ่งกว่า
นตฺถิ  ตสฺส อาลโยติ  อนาลโย (ภิกฺขุ)  
นตฺถิ  อาลโย ตสฺสาติ อนาลโย (ภิกฺขุ)  (ภิกษุ) มีอาลัยหามิได้, ไม่มีอาลัย
นตฺถิ อนฺโต ตสฺสาติ อนนฺโต (จกฺกวาโฬ)   (จักรวาล) มีที่สุดหามิได้, ไม่มีที่สุด
นตฺถิ ตสฺส เหตูติ อเหตุโก (ธมฺโม)  (ธรรม) มีเหตุหามิได้, ไม่มีเหตุ  (ลง ก ปัจจัย)
นตฺถิ วุฏฺฐิ เอตฺถาติ อวุฏฺฐิโก (ชนปโท)   (ชนบท) มีฝนหามิได้, ไม่มีฝน  (ลง ก ปัจจัย)
นตฺถิ ภิกฺขู เอตฺถาติ อภิกฺขุโก (วิหาโร)  (วิหาร) มีภิกษุหามิได้, ไม่มีภิกษุ (ลง ก ปัจจัย)
น อสฺโส  อนสฺโส  (อยํ สตฺโต)    สัตว์นี้  มิใช่ม้า, เป็นม้าหามิได้
สห  รญฺญา  ยา  วตฺตตีติ  สราชิกา (ปริสา)  เป็นไปกับด้วยพระราชา (ลง ก ปัจจัย)
สห  มจฺเฉเรน  ยํ  วตฺตตีติ  สมจฺเฉรํ (จิตฺตํ)  เป็นไปกับด้วยความตระหนี่
สห  ปริวาเรน  โย  วตฺตตีติ  สปริวาโร, สหปริวาโร (ภิกฺขุ)  เป็นไปกับด้วยบริวาร (บทหลังไม่ลบ ห)
สห  ปิติยา  เย  วตฺตนฺตีติ  สปฺปิติกา (ธมฺมา)  เป็นไปกับด้วยปีติ (ลง ก ปัจจัย, ซ้อน ปฺ)
สห  เหตุนา  โย  วตฺตตีติ  สเหตุ, สเหตุโก (ธมฺโม)  เป็นไปกับด้วยเหตุ  (บทหลังลง ก ปัจจัย)
สห  เทเวหิ  โย  วตฺตตีติ  สเทวโก (โลโก)  เป็นไปกับด้วยเทพ
เป็นตติยาตุลยาธิกรณพหุพพิหิสมาส 
มีอวบุพพบท กัมมธารยสมาส  และวิเสสนบุพพบท กัมมธารยสมาส เป็นภายใน
วิ. บุพ. กัม.  ปวรํ ธมฺมจกฺกํ  ปวรธมฺมจกฺกํ  จักรคือธรรมอันบวร
ตติ. ตุล.      ปวตฺติตํ ปวรธมฺมจกฺกํ เยนโส ปวตฺติตปฺปวรธมฺมจกฺโก (ภควา) ผู้มีจักรคือธรรมอันบวร อันให้เป็นไปแล้ว
เป็นฉัฏฐีภินนาธิกรณพหุพพิหิสมาส 
มีอสมาหาร ทวันทวสมาส  และฉัฏฐีตุลยาธิกรณพหุพพิหิสมาส เป็นภายใน
ฉ. ตุล. พหุพ.    คนฺธมาลา อาทโย เยสํ, ตานิ คนฺธมาลาทีนิ (วตฺถูนิ)
                    ของหอมและระเบียบ ท. เป็นต้น ของวัตถุ ท. เหล่าใด  วัตถุ ท. นั้น ชื่อว่า มีของหอมและระเบียบเป็นต้น
วิ. บุพ. กัม.      คนฺธมาลาทีนิ วตฺถูนิ  คนฺธมาลาทิวตฺถูนิ  วัตถุมีของหอมและระเบียบเป็นต้น ท.
ฉ. ภินน. พหุพ.   คนฺธมาลาทิวตฺถูนิ หตฺเถสุ เยสํ, เต คนฺธมาลาทิหตฺถา (มนุสฺสา)   (ลบ วตฺถุ)
                    วัตถุมีของหอมและระเบียบเป็นต้น ท. มี ในมือ ท. ของมนุษย์ ท. เหล่าใด  
                    มนุษย์ ท. เหล่านั้น ชื่อว่า มีวัตถุมีของหอมและระเบียบเป็นต้นในมือ
เป็นอสมาหาร ทิคุสมาส 
มีฉัฏฐีตุลยาธิกรณพหุพพิหิสมาส และวิเสสนบุพพบท กัมมธารยสมาส เป็นภายใน
ฉ. ตุล. พหุพ.   อสีติโกฏิโย ปมาณา ยสฺสตํ อสีติโกฏิปมาณํ อสีติโกฏิ (ธนํ)  (ทรัพย์) มีโกฏิ 80 เป็นประมาณ
วิ. บุพ. กัม.     อสีติโกฏิ ธนํ อสีติโกฏิธนํ  ทรัพย์มีโกฏิ 80 เป็นประมาณ
เป็นวิเสสนบุพพบท กัมมธารยสมาส  อสมาหาร ทิคุสมาส
มีอสมาหาร ทิคุสมาส และ ณิก ปัจจัย ตรัตยาทิตัทธิต เป็นภายใน
ณิก ตรัต. ตัท.   ติภูมีสุ ปวตฺตํ  เตภูมิกํ (วฏฺฏํ)  (วัฏฏะ) อันเป็นไปในภูมิ 3
วิ. บุพ. กัม.      เตภูมิกํ วฏฺฏํ  เตภูมิกวฏฺฏํ วัฏฏะอันเป็นไปในภูมิ 3

สมาส หมายถึง นามศัพท์* ตั้งแต่ 2 ขึ้นไป ย่อเข้าเป็นบทเดียวกัน
[* อัพยยศัพท์ก็เข้าสมาสได้ เช่น ในอัพยยีภาวสมาส อุ. อุปนครํ, กิริยากิตก์ในหลายปัจจัยก็เข้าสมาสได้ อุ. กตปุญฺโญ,
สมาสว่าโดยกิจ  มี 2 อย่าง (กิจที่ทำเมื่อเข้าสมาส) คือ
1.               ลุตตสมาส  คือ สมาสที่ลบวิภัตติของบทหน้า  เช่น
2.               อลุตตสมาส คือ สมาสที่ไม่ได้ลบวิภัตติของบทหน้า  เช่น
เมื่อเข้าสมาสแล้ว ถ้าศัพท์ที่นำมาต่อกันนั้น สามารถที่จะทำการสนธิได้อีก ก็ทำได้ เช่น
อานนฺโท เถโร    อานนฺทเถโร      พระเถระชื่อว่าอานนท์   (ลบวิภัตติบทหน้า)
พุทฺโธ อาทิจฺโจ อิว   พุทฺธอาทิจฺโจ    พระพุทธเจ้าเพียงดังพระอาทิตย์   (ลบวิภัตติบทหน้า)
สมาสว่า โดยชื่อ   มี 6 อย่าง (สมาสมี 6 ประเภท)  คือ

นามศัพท์ 2 บท มีวิภัตติและวจนะเป็นอย่างเดียวกัน  
1.               วิเสสนบุพบท
2.               วิเสสนุตตรบท
3.               วิเสสโนภยบท
4.               วิเสสโนปมบท
5.               สัมภาวนบุพบท
6.               อวธารณบุพบท
1) วิเสสนบุพบท   มีบทวิเสสนะอยู่หน้า  บทประธานอยู่หลัง   เช่น
มหนฺโต  ปุริโส  มหาปุริโส    บุรุษใหญ่
สมาสที่เอา มหนฺต ศัพท์  เป็น  มหา   เช่น
มหนฺโต  ปุริโส  มหาปุริโส    บุรุษใหญ่
ลบอักษรตัวหลังของบทวิเสสนะ เหลือไว้แต่อักษรตัวหน้า   เช่น
สนฺโต  ปุริโส  สปฺปุริโส    บุรุษผู้สงบแล้ว, สัตบุรุษ
ศัพท์ที่ทำหน้าที่เป็นวิเสสนะได้ เช่น คุณนามแท้; ปกติสังขยา, ปูรณสังขยา; วิเสสนสัพพนาม; อุปสัค, นิบาต; กิริยากิตก์, นามกิตก์; ตัทธิต; สมาส
2) วิเสสนุตตรบท  มีบทวิเสสนะอยู่หลัง บทประธานอยู่หน้า  เช่น
สตฺโต วิเสโส สตฺตวิเสโส    สัตว์วิเศษ
3) วิเสสโนภยบท มีบททั้ง 2 เป็นวิเสสนะ มีบทอื่นเป็นประธาน  เช่น
สีตญฺจ  สมฏฺฐญฺจ  สีตสมฏฺฐํ (ฐานํ)    (ที่) ทั้งเย็นทั้งเกลี้ยง
4) วิเสสโนปมบท  มีบทวิเสสนะเป็นอุปมา  จัดเป็น 2 ตามที่บทวิเสสนะอยู่หน้าหรืออยู่หลัง
ก. อุปมาอยู่หน้า เรียกว่า อุปมาบุพบท   เช่น
สงฺขํ อิว  ปณฺฑรํ  สงฺขปณฺฑรํ (ขีรํ)    (น้ำนม) ขาวเพียงดังสังข์
ข. อุปมาอยู่หลัง เรียกว่า อุปมานุตตรบท   เช่น
นโร  สีโห อิว  นรสีโห    นระเพียงดังสีหะ
5) สัมภาวนบุพบท  มีบทหน้าประกอบด้วย อิติ ศัพท์   บทหลังเป็นประธาน   เช่น
ขตฺติโย (อหํ) อิติ มาโน  ขตฺติยมาโน    มานะว่า (เรา) เป็นกษัตริย์
6) อวธารณบุพบท  มีบทหน้าประกอบด้วย เอว ศัพท์ (เพื่อห้ามเสียซึ่งเนื้อความอื่น) บทหลังเป็นประธาน   เช่น
ปญฺญา เอว ปโชโต  ปญฺญาปโชโต (ปทีโป)    (ประทีป) อันโพลงทั่วคือปัญญา
น บุพบท กัมมธารยสมาส  (หรือ อุภยตัปปุริสสมาส)
สมาสนี้มีคำแปลว่า  มิใช่..., ไม่ใช่...เป็น...หามิได้, ไม่เป็น...
น พฺราหฺมโณ  อพฺราหฺมโณ (อยํ ชโน)    (ชนนี้) มิใช่พราหมณ์
เมื่อ น อยู่หน้า  สระอยู่หลัง  ให้แปลง น เป็น อน   เช่น
น อสฺโส  อนสฺโส (อยํ สตฺโต)    (สัตว์นี้) มิใช่ม้า
น ปฏิเสธ กิริยากิตก์
น สงฺกิลิฏฺโฐ อสงฺกิลิฏฺโฐ (อยํ ธมฺโม)    (ธรรมนี้) มิเศร้าหมองแล้ว
หมายเหตุกัมมธารยสมาส
1) การตั้งวิเคราะห์กัมมธารยสมาส ให้แยกออกมาลงปฐมาวิภัตติ และให้มีวจนะตรงกัน 
ก.    การแปลวิเสสนบุพบท และ วิเสสนุตตรบท มีคำว่า “ผู้...”   (บางครั้งก็ไม่มี)
วิธีตั้งวิเคราะห์ในกัมมธารยสมาสทั้ง 6 นั้น เป็นแบบที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ ทรงคิดย่อให้สั้นเข้า เพื่อสะดวกในการท่องจำและการแปล    
วิเสสนบุพบท
วิเสสนุตตรบท
วิเสสโนภยบท
ส่วนอีก 3 สมาส ตั้งวิเคราะห์เหมือนแบบข้างต้น

2. ทิคุสมาส
กัมมธารยสมาส มีปกติสังขยานำหน้า ชื่อว่า ทิคุสมาส   มี คือ
1. สมาหารทิคุ  คือ ทิคุที่รวมนามศัพท์มีเนื้อความเป็นพหุวจนะ ทำให้เป็นเอกวจนะ นปุงสกลิงค์  เช่น
ตโย โลกา  ติโลกํ  โลก 3
2. อสมาหารทิคุ คือ ทิคุที่ไม่ได้ทำให้เป็นเอกวจนะ นปุงสกลิงค์  เช่น
เอโก ปุคฺคโล  เอกปุคฺคโล    บุคคลผู้เดียว
หมายเหตุทิคุสมาส
ก. ปกติสังขยาคุณนาม (1 ถึง 98) นำหน้านาม เป็น ทิคุสมาส
ปญฺจสตภิกฺขู (= ปญฺจสตปมาณภิกฺขู)    ภิกษุ มีร้อยห้าเป็นประมาณ ท.
ค. ปกติสังขยานามนาม (99 ขึ้นไป) ตามหลัง มีนามนามอยู่หน้า  เป็นฉัฏฐีตัปปุริสสมาสเท่านั้น  เช่น
ภิกฺขูนํ สตํ ภิกฺขุสตํ    ร้อยแห่งภิกษุ
ง. ปูรณสังขยานำหน้านามนาม เป็นวิเสสนบุพบท กัมมธารยสมาส เช่น
ทุติโย วาโร ทุติยวาโร    วาระที่ 2
    แต่ถ้ามีบทอื่นเป็นประธาน เป็น ฉัฏฐีตุลยาธิกรณพหุพพิหิ  เช่น
นวมสามเณโร (สงฺโฆ)     (สงฆ์) มีสามเณรเป็นที่ 9
บทหลังต้องเป็นนามนามเท่านั้น
สมาสที่เป็นได้หลายประเภท เช่น

นามศัพท์มี อํ วิภัตติ เป็นต้น ในที่สุด ท่านย่อเข้าด้วยบทเบื้องปลาย ชื่อว่า ตัปปุริสสมาส
1) ทุติยาตัปปุริส
สุขํ ปตฺโต  สุขปฺปตฺโต (ปุริโส)    (บุรุษ) ถึงแล้วซึ่งสุข
2) ตติยาตัปปุริส
อสฺเสน (ยุตฺโต) รโถ  อสฺสรโถ  รถ (เทียมแล้ว) ด้วยม้า
3) จตุตถีตัปปุริส
กฐินสฺส ทุสฺสํ  กฐินทุสฺสํ    ผ้าเพื่อกฐิน
4) ปัญจมีตัปปุริส
โจรมฺหา ภยํ  โจรภยํ    ภัยแต่โจร
5) ฉัฏฐีตัปปุริส
รญฺโญ ปุตฺโต  ราชปุตฺโต    บุตรแห่งพระราชา
แม้แปลหักฉัฏฐีวิภัตติเป็นทุติยาวิภัตติ (คือแปลเป็นกรรม ว่า ‘ซึ่ง’) ด้วยอำนาจปัจจัยนามกิตก์บางตัว  ก็ยังเรียกว่า ฉัฏฐีตัปปุริส
ธมฺมสฺส เทสนา  ธมฺมเทสนา    การแสดงซึ่งธรรม
6) สัตตมีตัปปุริส
รูเป สญฺญา  รูปสญฺญา  ความสำคัญในรูป
อุภยตัปปุริส
มัชเฌโลปตัปปุริส
มัชเฌโลปะ แปลว่า ลบในท่ามกลาง  (มชฺเฌ+โลโป อลุตตสมาส)
ศัพท์ที่ใช้ในมัชเฌโลปตัปปุริส และตัวอย่าง  เช่น

ยังมีโลปตัปปุริสอีก 2 ประเภท ได้แก่
- อาทิโลปตัปปุริส ลบศัพท์ต้น  เช่น 
เทเวน ทตฺโต ทตฺโต (ชโน)  (ชน) อันเทวดาให้แล้ว
- อันตโลปตัปปุริส ลบศัพท์ท้าย  เช่น 
รูปสฺส ภโว    รูปํ  รูปภพ
กัมมธารยะ กับ ตัปปุริสะ  ต่างกันดังนี้
1. กัมมธารยะ  ในรูปวิเคราะห์  บททั้งสองประกอบด้วยปฐมาวิภัตติ    บทหนึ่งเป็นประธาน บทหนึ่งเป็นวิเสสนะ    หรือเป็นวิเสสนะทั้งสองบท  มีวิภัตติ วจนะ เสมอกัน

นามนามตั้งแต่ 2 ศัพท์ขึ้นไป ย่อเข้าเป็นบทเดียวกัน ชื่อ ทวันทวสมาส   มี คือ
1) สมาหารทวันทวะ 
1. ศัพท์เกี่ยวกับอวัยวะของสัตว์โลก
2)  อสมาหารทวันทวะ 
ปณฺณญฺจ ปุปฺผญฺจ ผลญฺจ  ปณฺณปุปฺผผลานิ  ใบไม้และดอกไม้และผลไม้ ท.
ทวันทวสมาส ที่เป็นได้ทั้งสมาหารและอสมาหาร
1. ศัพท์เกี่ยวกับต้นไม้
ทวันทวสมาส ต่างกันกับ วิเสสโนภยบท กัมมธารยะ คือ
เอกเสสทวันทวะ
1) ปุพเพกเสส  ลบศัพท์หลัง  เหลือศัพท์หน้า  เช่น
สารีปุตฺโต จ  โมคฺคลฺลาโน จ  สารีปุตฺตา  พระสารีบุตรด้วย พระโมคคัลลานะด้วย  ชื่อว่า พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ท.
2) ปเรกเสส  ลบศัพท์หน้า  เหลือศัพท์หลัง  เช่น
มาตา จ  ปิตา จ  ปิตโร     มารดาด้วย  บิดาด้วย  ชื่อว่า  มารดาและบิดา ท.

สมาสที่มีอุปสัคหรือนิบาตอยู่หน้า เรียกว่า อัพยยีภาวสมาส   
แจกวิภัตติดังนี้
     เอก.
ไม่เป็นนปุงสกลิงค์บ้าง  เช่น
อัพยยีภาวสมาส จัดเป็นสมาสนามนาม รูปสำเร็จเป็นปฐมาวิภัตติ 
ในประโยคต่างๆ ใช้ทุติยาวิภัตติ (สู่)  ปัญจมีวิภัตติ (จาก)  สัตตมีวิภัตติ (ใน)  โดยมาก
อัพยยีภาวสมาส มี คือ
1. อุปสัคคปุพพกะ  มีอุปสัคเป็นบทหน้า  บทหลังเป็นนามนาม  เวลาตั้งวิเคราะห์ ให้เอานามนามมาเรียงไว้หน้า
  

2. นิปาตปุพพกะ  มีนิบาตเป็นบทหน้า  เรียงนามนามไว้หลัง  เวลาตั้งวิเคราะห์ ให้เอานามนามมาเรียงไว้หน้า แล้วลงวิภัตติตามคำแปล  ส่วนนิบาต (หรือศัพท์ที่แทนนิบาต) ให้เรียงไว้หลัง  เช่น


สมาสอย่างหนึ่งมีบทอื่นเป็นประธาน ชื่อ พหุพพิหิ
ตุลยาธิกรณพหุพพิหิ
สมาสนี้ ในรูปวิเคราะห์ บทแรกเป็นคุณนาม บทที่สองเป็นนามนาม (หรือกลับกันบ้าง)  
1) ทุติยาตุลยาธิกรณพหุพพิหิ
อาคตา สมณา ยํโส อาคตสมโณ (อาราโม)
รุฬฺหา ลตา ยํโส รุฬฺหลโต (รุกฺโข)  เครือวัลย์ ขึ้นแล้ว สู่ต้นไม้ ใด  ต้นไม้นั้น ชื่อว่า มีเครือวัลย์ขึ้นแล้ว
2) ตติยาตุลยาธิกรณพหุพพิหิ
ชิตานิ อินฺทฺริยานิ เยนโส ชิตินฺทฺริโย (สมโณ)  อินทรีย์ ท. อันสมณะใด ชนะแล้ว  สมณะนั้น ชื่อว่า มีอินทรีย์ชนะแล้ว
3) จตุตถีตุลยาธิกรณพหุพพิหิ
ทินฺโน สุงฺโก ยสฺสโส ทินฺนสุงฺโก (ราชา)   ส่วย (อันชาวเมือง ท.) ถวายแล้ว แก่พระราชาใด  พระราชานั้น ชื่อว่า มีส่วยอันชาวเมืองถวายแล้ว
4) ปัญจมีตุลยาธิกรณพหุพพิหิ
นิคฺคตา ชนา ยสฺมาโส นิคฺคตชโน (คาโม)  ชน ท. ออกไปแล้ว จากบ้านใด  บ้านนั้น ชื่อว่า มีชนออกไปแล้ว
5) ฉัฏฐีตุลยาธิกรณพหุพพิหิ
ขีณา อาสวา ยสฺสโส ขีณาสโว (ภิกฺขุ)  อาสวะ ท. ของภิกษุใด สิ้นแล้ว   ภิกษุนั้น ชื่อว่า มีอาสวะสิ้นแล้ว
พหุพพิหิสมาสที่ลบบทท้าย (อันตโลปสมาส)  เช่น
ปญฺจสตานิ ปมาณานิ เยสํ,   เต ปญฺจสตา (ภิกฺขู)   (=ปญฺจสตปมาณา)  
สมาสที่มีศัพท์เหล่านี้คือ อาทิ เภท ปริวาร ปมาณ มตฺต ปมุข มักเป็นฉัฏฐีตุลยาธิกรณพหุพพิหิสมาส
สีลํ อาทิ ยสฺสโส สีลาทิ (คุโณ)    ศีล เป็นต้น แห่งคุณ ใด  คุณนั้น ชื่อว่า มีศีลเป็นต้น
มตฺต  ถ้าแปลว่า สักว่า  เป็น สัมภาวนบุพบท กัมมธารยสมาส
เภท  ถ้าแปลว่า ต่าง  เป็น ตติยาตัปปุริสสมาส
6) สัตตมีตุลยาธิกรณพหุพพิหิ
สมฺปนฺนานิ สสฺสานิ ยสฺมึโส สมฺปนฺนสสฺโส (ชนปโท)  ข้าวกล้า ท. ในชนบทใด ถึงพร้อมแล้ว  ชนบทนั้น ชื่อว่า มีข้าวกล้าถึงพร้อมแล้ว
ภินนาธิกรณพหุพพิหิ
ในรูปวิเคราะห์แห่งสมาสนี้  บททั้ง 2 เป็นนามนาม และมีวิภัตติต่างกัน (ภินฺน)  จึงเรียกสมาสนี้ว่า “ภินนาธิกรณ” 
เอกรตฺตึ  วาโส  อสฺสาติ  เอกรตฺติวาโส (ชโน)   การอยู่ สิ้นราตรีหนึ่ง ของชนนั้น  เหตุนั้น ชนนั้น ชื่อว่า  มีการอยู่สิ้นราตรีหนึ่ง
ตั้งวิเคราะห์เป็นรูปพหุวจนะบ้างก็ได้   เช่น
กตํ  กุสลํ  เยหิเต  กตกุสลา (ชนา)  กุศล  อันชน ท. เหล่าใด ทำแล้ว  ชน ท. เหล่านั้น ชื่อว่า มีกุศลอันทำแล้ว
ฉัฏฐีอุปมาบุพบทพหุพพิหิ
ในรูปวิเคราะห์แห่งสมาสนี้  บททั้ง 2 เป็นนามนาม (และมีวิภัตติต่างกัน)  บทหน้าลงฉัฏฐีวิภัตติ  บทหลังเป็นอุปมา
สุวณฺณสฺส วณฺโณ อิว วณฺโณ ยสฺสโส สุวณฺณวณฺโณ (ภควา) 
น บุพบท พหุพพิหิ
มีคำแปลว่า “มี...หามิได้หรือ  “ไม่มี...”  (ต่างกับ นบุพบท กัมมธารยสมาส ที่แปลว่า  มิใช่..., ไม่ใช่...เป็น...หามิได้, ไม่เป็น...)
นตฺถิ ตสฺส ปุตฺโตติ อปุตฺตโก (ปุริโส)  บุตร ของบุรุษนั้น ไม่มี  เหตุนั้น บุรุษนั้น  ชื่อว่า มีบุตรหามิได้, ไม่มีบุตร  (ลง ก ปัจจัย)
เปรียบเทียบ นบุพบท พหุพพิหิ  กับ นบุพบท กัมมธารยะ
นตฺถิ  ตสฺส  อสฺโส  อนสฺโส (ชโน)    ม้า ของชนนั้น ไม่มี  เหตุนั้น  ชนนั้น ชื่อว่า ไม่มีม้า, มีม้าหามิได้
สหบุพบทพหุพพิหิ
สมาสที่มี สห เป็นบทหน้า เรียกว่า สหบุพบทพหุพพิหิสมาส  มีคำแปลว่า  “เป็นไปกับด้วย...
สห  ปุตฺเตน  โย  วตฺตตีติ  สปุตฺโต (ปุริโส - ปิตา) บุรุษ ใด  ย่อมเป็นไป กับ ด้วยบุตร  เหตุนั้น บุรุษนั้น ชื่อว่า เป็นไปกับด้วยบุตร คือ บิดา

สมาสซ้อน/สมาสท้อง
หมายถึง สมาสตั้งแต่ 2 สมาส ขึ้นไป ย่อเป็นบทเดียวกัน
ปวตฺติตปฺปวรธมฺมจกฺโก  (ภควา)  (พระผู้มีพระภาค) ผู้มีจักรคือธรรมอันบวรอันให้เป็นไปแล้ว
อว. บุพ.      ธมฺโม เอว จกฺกํ  ธมฺมจกฺกํ  จักรคือธรรม
คนฺธมาลาทิหตฺถา (มนุสฺสา)
อส. ทวัน.        คนฺโธ จ มาลา จ  คนฺธมาลา  ของหอมด้วย ระเบียบด้วย ชื่อว่า ของหอมและระเบียบ ท. 
อสีติโกฏิธนํ  ทรัพย์มีโกฏิ 80 เป็นประมาณ
อส. ทิคุ.        อสีติ โกฏิโย อสีติโกฏิโย  โกฏิ 80 ท.
เตภูมิกวฏฺฏํ  วัฏฏะอันเป็นไปในภูมิ 3


อส. ทิคุ.         ติสฺโส ภูมิโย ติภูมิโย  ภูมิ 3 ท.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น